อาจจะไม่เหมือนเดิม! เปิด 7 คำทำนายของบิล เกตส์ หลังโควิด-19 ทำทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป


ย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัท Microsoft เคยทำนายไว้ว่า “ในอีก 15 ปีข้างหน้า เชื้อโรคร้ายแรงจะคร่าชีวิตผู้คน 33 ล้านคน ในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี”

คำพูดนี้ของบิล เกตส์ ถูกกล่าวในงาน Munich Security conference ถึงคำเตือนของนักระบาดวิทยาที่กล่าวไว้ว่าเชื้อโรคในอากาศจะเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว และจะคร่าชีวิตผู้คนจำนวน 33 ล้านคน ภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี ซึ่งมีสาเหตุมาจากการกลายพันธุ์, อุบัติเหตุ และเจตนาของผู้ก่อการร้าย โดยคำทำนายนี้ถือเป็นสัญญาณเตือนอย่างดีถึงความไม่แน่นอนที่กำลังรออยู่ข้างหน้าที่มนุษย์โลกต้องเผชิญ

บิล เกตส์ ตอกย้ำคำทำนายนี้อีกครั้ง เมื่อ 5 ปีที่แล้วกับการขึ้นพูดบนเวที TED ถึงการแพร่ระบาดของของโรคร้าย แน่นอนว่าปัจจุบันก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่ามีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อด้านสุขภาพที่ผู้คนทั่วโลกต้องมาสังเวยชีวิตไปมากกว่า 1 ล้านราย เช่นเดียวกับภาคส่วนทางด้านเศรษฐกิจที่ธุรกิจในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะ การท่องเที่ยว, ค้าปลีก, การส่งออก ที่ได้รับผลกระทบถึงขั้นปิดกิจการ และยื่นล้มละลายต่อศาล

คำทำนายของบิล เกตส์ ถูกยกขึ้นมาให้พูดถึง และได้รับความชื่นชมถึงความแม่นยำกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่ผู้คนบนโลกต้องต่อสู้ และผ่านพ้นไปให้ได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้ผู้ก่อตั้งบริษัท Microsoft ได้ออกมาพูดผ่านรายการพอดแคสต์ EP แรก ร่วมกับ Rashida Jones โดยประเด็นที่บิล เกตส์ พูดถึงนั้นให้น้ำหนักไปที่เรื่องวัคซีน ร่วมถึงมุมมองการใช้ชีวิตหลังโควิด-19 ที่มีลักษณะออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งแบ่งออกมาเป็น 7 หัวข้อ ดังต่อไปนี้

1.การประชุมระยะไกลจะกลายเป็นเรื่องปกติ

บิล เกตส์ มองว่าก่อนการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผู้คนอาจมีความกังวลในพูดคุยกับลูกค้า หากมีกรณีต้องเลื่อน หรือไม่สามารถเดินทางมาพบปะกันได้ แต่การแพร่ะระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้สร้างความยืดหยุ่นในการทำงาน เมื่อสามารถเลือกพูดคุยผ่านระบบ Zoom ได้

“ไอเดียการเรียนรู้ การนัดพบแพทย์ หรือการบริการลูกค้า สามารถทำได้ทุกที่ผ่านแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น Zoom, Microsoft Teams ที่จะทำให้โลกของการทำงานเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเป็นอย่างมาก

2.ซอฟต์แวร์จะถูกปรับปรุงครั้งใหญ่

ไม่เพียงแต่การประชุมระยะไกลที่จะกลายเป็นเรื่องปกติ แต่บิล เกตส์ ยังคาดการณ์ว่าเครื่องมือที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะมีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น

“ซอฟต์แวร์จะถูกเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ โดยผู้คนจะต้องพึ่งพา และประหลาดใจกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ด้วยซอฟต์แวร์” บิล เกตส์ กล่าว

3.บริษัทกลายเป็นที่ทำงานแบบหมุนเวียน

หากพนักงานทำงานจากระยะไกลมากขึ้น นั่นหมายความว่าความถี่ในการเข้าออฟฟิศก็จะน้อยลง เรื่องนี้มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในเรื่องของการตัดสินใจในเรื่องอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในที่นี้ คือ ออฟฟิศ ที่อาจไม่จำเป็น หรือลดขนาดสำนักงานลง

“ผมคิดว่าผู้คนจะเดินทางไปทำงานที่ออฟฟิศน้อยลง คุณสามารถทำงานจากที่อื่นได้ และพนักงานอาจเข้าออฟฟิศในวันและเวลาที่แตกต่างกันออกไป” บิล เกตส์ แนะนำ

4.ความเป็นอยู่เปลี่ยนแปลงไป

บิล เกตส์ เชื่อว่าผลกระทบจากการทำงานระยะไกลจะไม่จบอยู่เพียงแค่นั้น แต่ยังรวมไปถึงการพลิกโฉมชุมชนที่เราอยู่อาศัยอีกด้วย โดยเฉพาะย่านใจกลางเมืองที่จะได้รับความสำคัญน้อยลง แต่การทำงานจากที่พักอาศัย หรือสถานที่อื่น ๆ จะได้รับความนิยมมากขึ้น

“ในเมืองใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็น ซีแอตเทิล และซานฟรานซิสโก ผู้คนต่างใช้จ่ายเงินกันเป็นจำนวนมากทั้งในเรื่องของค่าครองชีพ และค่าเช่า ซึ่งในอนาคตหากไม่มีออฟฟิศ พนักงานก็ไม่ต้องเดินทางไปทุกวัน ซึ่งทำให้สถานที่ที่เป็นย่านธุรกิจ อยู่ใจกลางเมืองอาจมีความสำคัญน้อยลง และอาจจะลงทุนกับการมีบ้านหลังใหญ่ในชุมชนที่มีการจราจรติดขัดน้อยกว่า” บิล เกตส์ กล่าว

5.คุณจะสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานน้อยลง แต่จะอยู่กับคนรอบตัวมากขึ้น

บิล เกตส์ คาดการณ์ว่าผลกระทบสุดท้ายที่เกิดขึ้นกับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ คือวิถีการทำงาน การเข้าสังคมในหมู่ของเพื่อนร่วมงานจะไม่เหมือนเดิม โดยคุณจะใช้เวลาน้อยลงกับสังคมที่ทำงานที่เคยมีมา และจะเปลี่ยนไปใช้เวลากับคนที่คุณรัก เช่น ครอบครัว แฟน มากขึ้น

“ผมคิดว่าการติดต่อทางสังคมภายในที่ทำงานจะลดลง และจะเปลี่ยนไปอยู่กับคนรอบตัวมากยิ่งขึ้น เพราะว่าการทำงานจากระยะไกลทำให้การพบปะกับเพื่อนร่วมงานไม่ได้มากเหมือนเมื่อก่อน สวนทางกับคนรอบตัวที่มีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น” บิล เกตส์ กล่าว

6.สิ่งต่าง ๆ จะไม่กลับไปเหมือนเดิมในระยะยาว

คำทำนายนี้ดูมีความน่าสนใจอยู่ไม่ใช่น้อย โดยบิล เกตส์ มองว่าโลกจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แม้ว่าจะมีวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ออกมาแล้วก็ตาม

“จำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ แม้จะมีตัวเลขลดลง แต่เมื่อมองในส่วนอื่น ๆ ยังพบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อยังคงสูงอยู่ ผมคิดว่าผู้คนสูงอายุยังคงยึดติดกับพฤติกรรมแบบเดิม ๆ ดังนั้น พวกเขาจึงมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ หากไม่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

7.การแพร่ระบาดครั้งต่อไปจะไม่เลวร้าย

บิล เกตส์ มองว่าการแพร่ระบาดของโรคครั้งต่อไปจะไม่เลวร้ายกว่านี้ เพราะผู้คนมีประสบการณ์ และถูกฝึกฝนให้รู้ถึงวิธีการรับมือกับโรคระบาด รวมถึงเครื่องมือทางการแพทย์ที่ถูกพัฒนาดีกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน หรืออาจจะกล่าวว่าผู้คนมีภูมิต้านทานที่ดีขึ้นในการรับมือโรคระบาด

ที่มา: INC

เรื่องที่เกี่ยวข้อง