อย่าหาทำ! ททท. ร้องสอบ 514 โรงแรม-ร้านค้า โกง “เราเที่ยวด้วยกัน”


การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร้อง สตช. สอบทุจริต โรงแรม-ร้านค้า 512 ราย หลังพบพฤติกรรมเข้าข่ายฉ้อโกงในโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 16 ธ.ค.63 นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษ กรณีพบความผิดปกติของธุรกรรมทางการเงินในโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน ต่อ พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)

ทั้งนี้ นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า กรณีการยื่นหนังสือดังกล่าว เนื่องจาก ททท.ตรวจพบธุรกรรมต้องสงสัย ที่มีแนวโน้มไปในทางฉ้อโกงหลายรูปแบบ โดยมีผู้เกี่ยวข้องทั้งโรงแรม ร้านค้า และประชาชน ซึ่งมีการทำร่วมกันเป็นขบวนการ โดยพบมีโรงแรมที่ข่ายต้องสงสัย 312 ราย และร้านค้าอีก 202 ราย

ดังนั้น การร้องทุกข์ขอให้ทาง สตช. ตรวจสอบในครั้งนี้ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินโครงการ และป้องกันการกระทำในส่วนของการขยายจำนวนและการใช้สิทธิของโครงการนี้ในระยะที่ 2 ต่อไป

เบื้องต้น จากการตรวจสอบโครงการ “เที่ยวด้วยกัน” ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลการทำธุรกรรมในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา พบว่า มีทั้งกรณีของผู้ประกอบการโรงแรม และร้านค้าที่รับชำระผ่านคูปองใช้จ่าย คือ
1.การเข้าเช็กอินในโรงแรมราคาถูก แต่ไม่ได้มีการเข้าพักจริง ซึ่งจะได้ประโยชน์ในการใช้สิทธิคูปองใช้จ่ายวันธรรมดา 900 บาท วันเสาร์-อาทิตย์ 600 บาท

2.โรงแรมขึ้นราคาค่าห้องพัก โดยร่วมมือกับร้านอาหาร หรือร้านค้าที่รับชำระคูปอง ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นการซื้อขายสิทธิการใช้ห้องพัก แต่ไม่ได้เกิดการเดินทางจริง

โดยคาดว่ามีสาเหตุมาจาก การปลดล็อกเงื่อนไข ให้สามารถใช้สิทธิเดินทางท่องเที่ยวได้ในภูมิลำเนาของตนเองได้ ซึ่งเป็นการกระทำในแบบผู้ได้สิทธิร่วมมือกับโรงแรม ส่งเลขบัตรประชาชน 4 หลักสุดท้าย และเบอร์โทรศัพท์ และรับรหัส OTP ยืนยัน ถือเป็นการโอนสิทธิได้

3.จองแล้วยังไม่ได้เช็กอิน และยังไม่ชำระเงิน

4.การใช้ส่วนต่างของคูปองเพื่อรับส่วนต่างเต็มจำนวน กรณีร้านค้าเพิ่มราคาอาหารไปมากกว่ามูลค่าอาหาร

5.มีการเข้าพักจริง แต่เข้าพักแบบเป็นกรุ๊ปเหมา โดยตั้งราคาห้องพักในระดับสูง และสามารถรับเงินส่วนต่างที่ตกลงกันไว้ เป็นการร่วมมือกันระหว่างโรงแรมและผู้เข้าพัก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกรณีที่จองตรงกับโรงแรม

6.โรงแรมที่เปิดขายห้องพักเกินจำนวนจริงที่มี อาทิ มีห้องพักจริง 100 ห้อง แต่เปิดขาย 300 ห้อง ซึ่งจำนวนห้องที่เกินมาจะนำไปขายต่อให้กับโรงแรมอื่น เพื่อรับประโยชน์จากเงินส่วนต่าง

ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งเป็นโครงการที่ประชาชนให้ความสนใจ ทางกระทรวงการคลังและธนาคารกรุงไทยได้ตรวจสอบว่า มีการเข้าข่ายกระทำความผิดในการฉ้อโกง พบว่ามีหลายโรงแรม และหลายร้านค้าที่เข้าข่ายความผิด ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการให้กองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) เข้าไปดำเนินการตรวจสอบ พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบโดยเฉพาะ