แม้ว่า Coca-cola จะเป็นแบรนด์น้ำดำยักษ์ใหญ่ของโลกที่ดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน และมีรายได้จากผลิตภัณฑ์อย่างมหาศาล ก็ไม่พ้นที่จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จนทำให้ธุรกิจต้องมีการปรับโครงสร้างองค์กรขนานใหญ่
Coca-cola ประกาศที่จะปรับลดพนักงานจำนวน 2,200 ตำแหน่งทั่วโลก โดยให้เหตุผลว่าเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อรับมือให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยตามรายงานของ The Wall Street Journal ระบุว่า Coke จะปลดพนักงานในสหรัฐฯ จำนวน 1,200 ตำแหน่ง ซึ่งคิดเป็น 12% ของพนักงานทั้งหมดทั่วโลก
ข้อมูลเมื่อสิ้นปี 2019 Coca-cola มีพนักงานทั่วโลก 86,200 คน แต่ด้วยการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้รายได้จากการขายสินค้าลดลง แต่ต้นทุนการผลิตยังเท่าเดิม ซึ่งที่ผ่านมายอดขายเกินครึ่งหนึ่งมาจากการบริโภคนอกที่พักอาศัย โดยเฉพาะในไตรมาส 3 ที่ยอดขายสุทธิลดลง 9% เนื่องจากผู้คนเดินทางออกมาจากที่พักอาศัยค่อนข้างน้อย เพื่อลดความเสี่ยงที่จะติดโรค
เร่งปรับโครงสร้างธุรกิจ
ด้วยวิกฤตดังกล่าวทำให้ Coke ต้องเร่งปรับโครงสร้างธุรกิจ และปรับแผนการดำเนินงานยุติผลิตแบรนด์เครื่องดื่มที่ไม่ทำกำไร ไม่ว่าจะเป็น แบรนด์ Tab เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ซึ่งเป็นที่นิยมของผู้บริโภคอย่างมากในช่วงยุค 70-80 รวมถึงแบรนด์ , Zico และ Odwalla โดยบริษัทจะเน้นไปโฟกัสแบรนด์ที่สร้างยอดขายดีเป็นหลัก เช่น Coke Zero เป็นต้น
อีกทั้ง เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา Coke เปิดแพ็กเกจให้พนักงานในสหรัฐฯ, แคนาดา และเปอร์โตริโก ลาออกด้วยความสมัครใจ จำนวน 4,000 ตำแหน่ง ซึ่งคาดการณ์ว่าบริษัทจะต้องจ่ายเงินชดเชย คิดเป็นมูลค่า 350-550 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Coca-Cola รายได้ดีหรือไม่?
สำหรับแบรนด์สินค้าของ Coca-Cola นอกจาก Coke ที่เป็นเครื่องดื่มที่ผู้บริโภครู้จักกันดีแล้ว ยังมีแบรนด์อื่น ๆ ในเครืออีก Fanta, Sprite ที่อยู่ในตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมมาอย่างยาวนาน อย่างไรก็ตาม หากเราไปดูรายละเอียดงบการเงินของบริษัท พบว่า Coca-Cola มีผลประกอบการลดลงเรื่อยมาในช่วง 4-5 ปีหลัง
- ปี 2016 รายได้ 41,863 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กำไรสุทธิ 6,527 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
- ปี 2017 รายได้ 35,410 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กำไรสุทธิ 1,248 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
- ปี 2018 รายได้ 31,856 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กำไรสุทธิ 6,434 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ขณะที่เมื่อดูผลประกอบการในไตรมาส 2/2020 พบว่า Coca-cola มีรายได้อยู่ที่ 7.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 28% ซึ่งถือว่าเป็นการลดลงรายไตรมาสสูงสุดในรอบ 30 ปีเลยทีเดียว
เผชิญคู่แข่งรายใหม่ในตลาด
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เทรนด์รักสุขภาพกลายเป็นที่นิยมของผู้บริโภคในช่วงหลัง โดยเราจะพบเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพออกมาวางจำหน่ายตามท้องตลาดมากมาย ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจของ Coca-cola เพราะสรรพคุณเครื่องดื่มของพวกเขาไม่อาจตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ได้ เพราะส่วนผสมของเครื่องดื่มจะมี “น้ำตาล” อยู่
อย่างไรก็ตาม Coca-cola ก็ปรับกลยุทธ์ทางการตลาดโดยเน้นสินค้าที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาลเป็นตัวชูโรง เช่น Coke Zero แต่ก็ยังตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ไม่ดีนัก เนื่องจากคนส่วนใหญ่ยังติดภาพว่า Coke คือเครื่องดื่มน้ำอัดลม
ที่มา:
https://www.cnbc.com/2020/12/17/coca-cola-will-cut-2200-jobs-worldwide-as-part-of-restructuring-plan.html
https://www.jitta.com/stock/nyse:ko/factsheet
https://edition.cnn.com/2020/10/22/business/coke-zico-tab/index.html
https://www.cnbc.com/2020/10/16/coca-cola-to-retire-tab-as-it-trims-its-portfolio-.html