โลกในทุกวันนี้เป็นโลกของเทคโนโลยีอย่างแท้จริง เทคโนโลยีในทุก ๆ ด้านถูกพัฒนาอย่างรวดเร็ว ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเทคโนโลยีเหล่านั้น ช่วยให้ใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกรรมทางการเงิน จากเมื่อก่อนการจะโอนเงิน ถอนเงิน จะต้องไปทำธุรกรรมที่ธนาคารหรือผ่านตู้ ATM เท่านั้น
แต่ปัจจุบันธุรกรรมทุกอย่างสามารถทำผ่านทาง Mobile Banking ได้โดยที่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องเดินทางไปธนาคาร แต่มีสิ่งที่น่าสนใจ และกำลังเป็นกระแสนั่นก็คือ Social Banking ความน่าสนใจคืออะไร? แล้ว Social Banking และ Mobile Banking ต่างกันอย่างไร?
Social Banking คืออะไร?
Social Banking คือ การทำธุรกรรมทางการเงิน หรือการให้บริการทางการเงินโดยไม่ผ่านธนาคาร ถ้าหากแปลตรงตัว ก็คือการธุรกรรมทางการเงินผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลนั่นเอง ซึ่ง Social Banking จะสามารถเข้าถึงคนได้เป็นจำนวนมากและเข้าถึงได้ง่ายกว่า
Social Banking มีกี่รูปแบบ?
จริง ๆ แล้ว Social Banking ยังไม่ได้มีการแบ่งรูปแบบที่ชัดเจน แต่หากแบ่งรูปแบบที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน จะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบ ได้แก่
1. รูปแบบของการร่วมมือระหว่างธนาคารกับเจ้าของแพลตฟอร์ม
รูปแบบนี้จะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย โดยนำจุดเด่นของทั้งสองผ่านมาผสมผสานกัน แพลตฟอร์มโซเชียลมีจุดเด่นฐานข้อมูลของลูกค้าจำนวนมาก ส่วนธนาคารจะมีจุดเด่นด้านการให้บริการด้านธุรกรรมการเงิน ตัวอย่างเช่น แอปพลิเคชัน Alipay และ WeChat ที่นิยมใช้กันมาก ๆ ในประเทศจีน
2. รูปแบบของเจ้าของแพลตฟอร์มทำขึ้นเอง
ส่วนอีกรูปแบบหนึ่งจะเป็นรูปแบบที่เจ้าของแพลตฟอร์มสร้างบริการธุรกรรมทางการเงินขึ้นมาเอง เป็นสกุลเงินดิจิทัล ใช้จ่ายผ่านช่องทาง E-Wallet เช่น สกุลเงิน Libra ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย Facebook โดยสามารถใช้งานได้บนแพลตฟอร์มของ Messenger
จุดเด่น จุดด้อย ของ Social Banking คืออะไร?
จุดเด่นของ Social Banking
จุดเด่นของแพลตฟอร์มโซเชียล จะได้เปรียบในเรื่องของฐานข้อมูลของลูกค้า เพราะอย่างที่รู้ ๆ กันคือ ในยุคปัจจุบันโซเชียลเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงและใช้งานในทุก ๆ วัน ซึ่ง Social Banking สามารถใช้งานได้โดยที่ไม่ต้องมีบัญชีธนาคาร ถึงแม้ Mobile Banking จะถูกใช้อย่างแพร่หลาย แต่ก็ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่มีบัญชีธนาคาร จะทำธุรกรรมอะไรก็ไม่ได้ หรือต้องฝากคนอื่นทำแทน ซึ่งมีความยุ่งยากพอสมควร Social Banking จะช่วยลดปัญหาในส่วนนี้ได้
จุดด้อยของ Social Banking
ธุรกรรมทางการเงินเป็นเรื่องที่ต้องเน้นเรื่องความปลอดภัย เพราะเกี่ยวกับเงินทางในกระเป๋า ซึ่งคนส่วนใหญ่ในปัจจุบันยังคงให้ความเชื่อมั่นกับธนาคารมากกว่า ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไร เพราะเราทำธุรกรรมทางการเงินผ่านธนาคารมาโดยตลอด แต่เชื่อว่าเมื่อเทคโนโลยีถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องอีกไม่นาน Social Banking จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุก ๆ คนได้โดยไม่ยาก และยังให้ความปลอดภัยได้เทียบเท่ากับธนาคารอีกด้วย
Social Banking และ Mobile Banking ต่างกันอย่างไร?
Mobile banking
เป็นการให้บริการธุรกรรมการเงินในรูปแบบออนไลน์ ที่ยังคงต้องผ่านธนาคาร เพียงแต่นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ ให้ธุรกรรมทุกอย่างอยู่ในระบบออนไลน์ ซึ่งลูกค้าสามารถทำธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ ผ่านอินเทอร์เน็ต หรือสมาร์ตโฟนได้เลย ไม่ว่าจะเป็น การฝาก ถอน โอน รวมถึงการจ่ายบิลต่าง ๆ ด้วย
Social Banking
เป็นการให้บริการธุรกรรมทางการเงินที่ไม่ต้องผ่านธนาคาร แต่จะทำผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลแทน ซึ่งอย่างที่บอกไปข้างต้นว่ามีทั้งรูปแบบที่แพลตฟอร์มร่วมมือกับธนาคาร หรือแฟลตฟอร์มพัฒนาขึ้นมาเอง ซึ่งทำให้ทั้ง Social Banking และ Mobile Banking มีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ การใช้งาน การเข้าถึง ซึ่ง Social Banking จะได้เปรียบมากกว่า
แนวโน้ม Social Banking ในประเทศไทย
ถ้าถามถึงความนิยมในประเทศไทย ต้องยอมรับก่อนเลยว่า Social Banking ยังไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่นัก มีใช้แค่เฉพาะบางกลุ่มเท่านั้น แต่เชื่อว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในไม่ช้า ด้วยเทคโนโลยีและความรวดเร็วของโซเชียล จะทำให้คนหันมาสนใจและใช้งาน Social Banking มากขึ้น แน่นอนว่าทุกคนย่อมเลือกทางที่สะดวกสบายมากกว่าอยู่แล้ว
Social Banking เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่น่าจับตามอง เพราะจะช่วยอำนวยความสะดวกสบายในเรื่องของการทำธุรกรรมการเงิน โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องเดินทางไปธนาคาร ไม่ต้องเสียเวลาต่อคิว รวมถึงไม่จำเป็นต้องมีบัญชีธนาคารด้วย ซึ่งจะทำให้คุณใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นมากเลยทีเดียว