9 สิ่งที่ควรทำ และ 9 ข้อห้ามที่ควรหลีกเลี่ยงในวันตรุษจีน


ตรุษจีน หรือวันขึ้นปีใหม่ตามปฏิทินจีน ถือเป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดของจีน หากจะเปรียบก็น่าจะเหมือนกับวันสงกรานต์ ที่เป็นวันปีใหม่ไทย เพราะทุกคนที่มีเชื้อสายจีนก็ต่างให้ความสำคัญอย่างยิ่ง

ในวันตรุษจีน คนไทยเชื้อสายจีนจะให้ความสำคัญ โดยการเริ่มเตรียมงานล่วงหน้า บ้านเรือนจะถูกทำความสะอาดตั้งแต่บนลงล่าง หน้าบ้านยันหลังบ้าน ถือเป็นการทำความสะอาดครั้งใหญ่ก่อนวันตรุษจีน ซึ่งหมายถึงการกวาดเอาโชคร้ายออกไป ประตูหน้าต่างมีการขัดสีฉวีวรรณทาสีใหม่ซึ่งสีแดงเป็นสีนิยม พร้อมทั้งเริ่มซื้อของขวัญ สิ่งต่าง ๆ เพื่อประดับบ้านเรือน

ดังนั้นประตูหน้าต่างจะถูกประดับประดาด้วยกระดาษที่มีคำอวยพรอย่างเช่น อยู่ดีมีสุข ร่ำรวย และอายุยืนเป็นต้น เราก็ได้ทราบเบื้องต้นไปแล้วว่า วันตรุษจีนนั้นมีความสำคัญมาก จึงเป็นธรรมดาที่จะมีข้อปฏิบัติที่ควรทำและไม่ควรทำ มาดูกันดีกว่าว่าในวันตรุษจีนเราควรทำและไม่ควรทำอะไรบ้างเพื่อเสริมสิริมงคลให้ตัวเองและครอบครัว

ดังนั้น “สิ่งที่ควรทำในวันตรุษจีน” คือ

ไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ และไหว้ผีไม่มีญาติ

วันที่ชาวจีนต้องไว้เจ้าที่ เราเรียกว่า “วันซาจั๊บ” ช่วงเช้าจะมีการไหว้เจ้าในบ้าน คือ “ตีจูเอี๊ยะ” และไหว้บรรพบุรุษแล้ว หลังจากนั้นในตอนเที่ยงก็จะต้องไหว้ผีไม่มีญาติ โดยของไหว้ก็จะมีทั้งอาหารคาว เช่น เป็ด-ไก่ รวมถึงอาหารหวานด้วย จะมากหรือจะน้อย ก็ขึ้นอยู่กับฐานะของผู้ไหว้ นอกจากนี้ก็ยังต้องมีเครื่องกระป๋อง ข้าวสาร และเกลือ เพื่อให้ผีไม่มีญาติได้นำออกไป อีกทั้งยังต้องจุดขี้ไต้ 2 ชิ้นไว้ด้วย และเมื่อไหว้เสร็จก็ต้องจุดประทัด จากนั้นจึงเอาข้าวสารมาผสมกับเกลือแล้วนำมาโปรยเพื่อขับไล่สิ่งที่ไม่ดีให้หมดไป

 

 

รวมญาติกินเกี๊ยว

ความสำคัญอีกประการของตรุษจีน คือเป็นวัน รวมญาติ โดยทุกคนจะเดินทางมาร่วมโต๊ะกินเกี๊ยวในวันซาจั๊บมื้อสุดท้ายก่อนขึ้นปีใหม่ และเกี๊ยวจะมีลักษณะเหมือนกับ “เงิน” ของจีน มีความหมายว่า ให้มั่งมีเงินทอง ถือเป็นวันรวมญาติอีกวันก่อนตรุษจีน

กินเจมื้อเช้า คือ มื้อแรกของปี

มื้อแรกของวันชิวอิก คนจีนจะกินเจเป็นอาหารมื้อแรก ซึ่งถือว่าเป็นมื้ออาหารแรกของปี เพราะเชื่อกันว่าจะได้บุญเหมือนกับกินเจตลอดทั้งปี

ทำพิธีรับ “ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ”

“ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ” เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภและเป็นเทพพิทักษ์ทรัพย์ จึงมักจะมีการทำพิธีรับเทพซึ่งเปรียบได้กับการทำพิธีรับโชคลาภในช่วงระหว่างเวลาหลังเที่ยงคืนของวันซาจั๊บจนถึงก่อนตีหนึ่ง

 

 

ติดตุ๊ยเลี้ยง หรือ คำอวยพรปีใหม่

เมื่อสมัยก่อนคนจีนที่พอมีความรู้จะเขียน “ตุ๊ยเลี้ยง” เอง โดยใช้หมึกดำหรือสีทองเขียนคำอวยพรลงบนกระดาษสีแดง ถ้าไม่มีความรู้ก็จะไปจ้างมืออาชีพเขียนให้ ซึ่งแหล่งใหญ่ก็คือที่เยาวราช

คำอวยพรที่นิยมเขียนประกอบด้วยตัวอักษร 7 ตัว เขียนเป็นคำกลอน โดยมากจะอวยพรให้ ทำมาค้าขึ้น หรือ ให้มั่งมีเงินทอง จากนั้นจะนำมาติดตามสองข้างประตูบ้าน และต้องมีอีก 1 แผ่นสำหรับติดทางขวางตรงกลางทางเข้า-ออก แผ่นนี้จะต้องเขียนคำว่า “ชุก ยิบ เผ่ง อัง” ซึ่งมีความหมายว่า เข้า-ออกโดยปลอดภัย นอกจากนี้ ชาวจีนยังนิยมติดภาพเด็กผู้หญิง-เด็กผู้ชาย ที่เรียกว่า “หนี่อ่วย” ซึ่งถือเป็นภาพมงคลของจีนที่มักติดบริเวณประตูหน้าบ้าน

ใส่เสื้อผ้าใหม่สีสันสดใส

ช่วงก่อนวันตรุษจีนส่วนมากผู้คนจะนิยมซื้อเสื้อผ้าใหม่ใส่กัน หรืออาจซื้อให้เด็กๆ ไว้ใส่ในวันตรุษจีน เพราะชาวจีนนิยมใส่เสื้อผ้าใหม่สีสันสดใส เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีแต่สิ่งดีๆ ใหม่ๆ เข้ามาในปีใหม่นี้ด้วย โดยการเลือกเสื้อสีสด ก็เปรียบได้กับความสว่างสดใสและความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งสีที่เป็นที่นิยมที่สุด ก็คือ สีแดง

ส้ม 4 ผล อวยพรผู้ใหญ่

ทุกคนจะต้องนำส้ม 4 ผลไปกราบขอพรผู้ใหญ่ โดยผู้ใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าบ้านเองก็จะเตรียมเมล็ดแตงโมย้อมสีแดงไว้ 1 พาน รวมถึงลูกสมอจีนเอารอรับแขกอยู่แล้ว และเมื่อมีผู้มาอวยพรพร้อมกับส้ม 4 ผล เจ้าบ้านก็จะรับส้มมา 2 ผล พร้อมกับนำส้มในบ้านตนเองไปวางคืนให้กับแขก 2 ผล

การรับและมอบอั่งเปา

ปกติแล้ว ชาวจีนจะนิยมมอบ “อั่งเปา” ให้ในวันตรุษจีน วันแต่งงาน หรือในโอกาสเปิดกิจการใหม่ เพื่อเป็นการอวยพร และการมอบอั่งเปาให้เด็ก ๆ หมายถึง การอวยพรให้เด็ก ๆ โชคดี มีโชคลาภ เจริญเติบโตแข็งแรง หรือหากผู้ใหญ่มอบอั่งเปาให้ลูกหลานที่ทำงานแล้ว ก็เป็นการอวยพรให้หน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า มีสุขภาพแข็งแรง และหากลูกๆ ที่ทำงานแล้ว หรือแต่งงานไปแล้วมอบอั่งเปาให้พ่อแม่ ก็เป็นการแสดงถึงความกตัญญูกตเวที อวยพรให้พ่อแม่มีอายุยืนยาว โดยหลังจากได้รับอั่งเปาแล้ว คนรับจะมีการกล่าวแบบน้อมคารวะอวยพร อย่างเช่นคำว่า “ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้” หมายความว่า “ปีใหม่นี้คิดหวังสื่งใด ขอให้สมหวัง สมปรารถนา มีแต่ความสุขมั่งคั่ง โชคดีร่ำรวยตลอดปี”

 

 

ไหว้เจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต

นอกจากในวันซาจั๊บแล้ว ในวันชิวอิกนี้ก็ยังต้องมีการไหว้ไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย และที่สำคัญก็ยังต้องไหว้เจ้าเพื่อขอให้เทพเจ้าช่วยดลบันดาลให้ชีวิตของคุณและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความเจริญค่ะ

 

ต่อมาเป็น “สิ่งที่ห้ามทำในวันตรุษจีน” มีดังนี้

ห้ามทำความสะอาดบ้าน

เช่น การซักล้าง หรือ การกวาดบ้านปัดฝุ่น จะเป็นการขับไล่ความโชคดีออกไป ดังนั้นการทำความสะอาดบ้านจึงควรเริ่มทำตั้งแต่ก่อนที่วันขึ้นปีใหม่จะมาถึง

ห้ามใช้ของมีคม

เช่น มีด , กรรไกร , ที่ตัดเล็บ เชื่อว่าการใช้ของมีคมจะเป็นการตัดสิ่งที่ดีออกไป

ห้ามสระผม ห้ามตัดผม

เชื่อว่าเป็นการชะล้างความโชคดี เนื่องจากคำว่า ผม เป็นคำพ้องเสียงและพ้องรูปกับคำว่า มั่งคั่ง ชาวจีนจึงไม่นิยมสระผมหรือตัดผมกันในวันตรุษจีน การสระหรือตัดผมในวันตรุษจีน จึงเหมือนกับการนำความมั่งคั่งออกไป

ห้ามซุ่มซ่าม ต้องระมัดระวัง

อย่าทำข้าวของเครื่องใช้แตกเสียหาย ถือว่าจะเป็นการนำสิ่งไม่ดีเข้ามา

ห้ามพูดหยาบคาย คำที่ไม่เป็นมงคล และห้ามโต้เถียง

ไม่ควรพูดคำที่ไม่เป็นมงคล หรือมีความหมายไปในทางลบ เช่น เรื่องความตาย เพราะจะนำความโชคร้ายมาให้ตลอดทั้งปี ให้พูดเรื่องดีๆ อนาคตที่ดี

ห้ามเข้าไปในห้องนอนคนอื่น

การเข้าไปหาใครในห้องนอนในวันตรุษถือเป็นโชคร้าย

ห้ามใส่ชุดขาวดำ เสื้อผ้าที่เป็นสีขาวดำ

เพราะเป็นสัญลักษณ์ของความตาย ดังนั้น การสวมเสื้อผ้าสีขาวดำในวันนี้จึงหมายถึงลางร้าย คนจีนจึงมักสวมเสื้อผ้าสีแดงกันเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากเชื่อว่า สีแดงคือสีที่จะนำความโชคดีมาให้

ห้ามให้ยืมเงินหรือสิ่งของ

การให้ยืมเงินในวันนี้จะทำให้ทั้งปีมีคนเข้ามาขอยืมเงินตลอด รวมไปถึง หากใครที่ติดเงินใครไว้ ก็ควรที่จะคืนเงินก่อนวันตรุษจีน และการที่ไม่ให้ยืมสิ่งของต่าง ๆ นอกเหนือไปจากเงินเพราะเชื่อกันว่า หากติดเงินใครในวันตรุษจีนแล้ว คน ๆ นั้นก็จะมีหนี้สินตลอดปีไม่จบไม่สิ้น

ห้ามร้องไห้ในวันตรุษจีน

เชื่อว่าจะทำให้เกิดเรื่องที่จะทำให้เสียใจไปตลอดทั้งปี ดังนั้นในวันตรุษจีนแม้แต่เด็กดื้อที่ปฏิบัติตัวไม่ดีผู้ใหญ่ก็จะต้องทน และไม่ตีสั่งสอนให้เด็กร้องไห้

ทราบแล้วใช่ไหมคะ ว่าสิ่งไหนควรทำ สิ่งไหนไม่ควรทำ ฉะนั้นก็เลือกทำสิ่งดี ๆ ให้กับการเริ่มต้นปีอย่างมีศิริมงคลนะคะ

“ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ ปีใหม่ขอให้คิดหวังสิ่งใดสมหวัง สมปรารถนา มีแต่ความสุขมั่งคั่ง โชคดีร่ำรวยตลอดปีค่ะ”