การตลาดแบบ Personal Vlog ระหว่างดารา vs คนธรรมดา แบบไหนปังกว่า?


ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การทำการตลาดผ่าน Personal Vlog ได้รับความนิยมสูงขึ้น กว่า 85% เนื่องมาจากการทำคอนเทนต์รูปแบบวิดีโอสามารถสร้าง Traffic ให้มีการค้นหา เข้าสู่หน้าเว็ปไซต์ เพื่อทำความรู้จักกับสินค้าหรือบริการที่ได้เห็นในวิดีโอเหล่านั้น สูงขึ้นถึง 87% แน่นอนว่า เมื่อการทำการตลาดรูปแบบนี้ได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตอันใกล้จะต้องมีการแข่งขันอย่างแน่นอน

ดังนั้น คุณควรที่จะต้องรู้ว่า การทำการตลาดผ่าน Personal Vlog ของคุณ ควรจะเลือกใช้ใคร คอนเทนต์ถึงจะปังที่สุด

Personal Vlog คืออะไร?

เชื่อว่า ถ้าพูดคำว่า Blog กับ Vlog หลายคนจะคุ้นกับคำว่า Blog (เว็ปไซต์ที่ผู้ใช้งานใช้ลงคอนเทนต์เหมือนไดอารี มักจะใช้เป็นตัวอักษร+รูปภาพในการบอกเล่าเรื่องราว) มากกว่า ในขณะที่ Vlog ที่มาจากคำว่า Video + Blog หมายความว่า การบอกเล่าประสบการณ์ต่างๆ เหมือนบล็อกในรูปแบบวิดีโอ ทำให้คนที่ได้รับชมสามารถรับประสบการณ์จาก ภาพเคลื่อนไหว แสง สี เสียง ได้ดีกว่าแบบเดิม ซึ่งคุณมีโอกาสพบ Personal Vlog ได้บ่อยบนแพลตฟอร์มสำหรับลงวิดีโออย่าง Youtube, Facebook, Tiktok ฯลฯ

เนื้อหาคอนเทนต์ของ Personal Vlog

ด้วยความที่ Personal Vlog เหมือนการทำ Blog ในรูปแบบ Video เนื้อหาส่วนใหญ่เลยเหมือนกับส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของ Vlogger แต่ละคน เน้นแสดงให้เห็นถึงไลฟ์สไตล์เป็นหลัก และมีการนำเสนอสินค้าหรือบริการแทรกเข้าไปแบบเนียนๆ ต่างจากการรีวิวหรือโฆษณาแบบวิดีโอ เพราะคอนเทนต์เหล่านั้นจะเป็นการขายหรือโฆษณาแบบชัดเจน ถามว่า แบบไหนดีกว่ากัน ให้ตัวคุณลองสังเกต (แบบในมุมผู้บริโภค) ดูว่า ระหว่างทำคอนเทนต์แบบ Vlog กับรีวิวแนะนำสินค้า แบบไหนน่าสนใจ และน่าเชื่อถือพอที่จะซื้อตามมากกว่ากัน

การตลาดแบบ Personal Vlog ควรเลือกใครถึงจะปัง?

ปัจจุบันที่ไม่ว่าใครก็มาทำคอนเทนต์รูปแบบวิดีโอ หรือ ที่หลายคนมักจะเรียกติดปากว่า Youtuber / Vlogger ตั้งแต่ คนดังระดับดารา อินฟลูเอนเซอร์ ไปจนถึงคนธรรมดาหัดจับกล้อง คุณควรเลือกใครให้ปังดี?

ในหัวข้อนี้เราจะมาบอกจุดเด่น-จุดด้อยของคนแต่ละกลุ่มกัน

ดารา หรือกลุ่มเซเล็บ – จุดเด่นที่แน่นอนของกลุ่มนี้คือ มีฐานแฟนคลับที่เชื่อได้ว่าจะคอยติดตามและอุดหนุนสินค้า/บริการที่เขาแนะนำในฐานะแฟนคลับ แต่ด้วยความที่การตามผลงานของดารากับแฟนคลับมีลักษณะที่ค่อนข้างห่างเหิน เหมือนมองเห็นดาราอยู่สูงกว่า และคุ้นชินกับภาพในลักษณะเชิงโฆษณา เลยอาจจะไม่ได้เชื่อถือในสิ่งที่เขาแนะนำมากเท่ากับอินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียงในด้านนั้นๆ แต่ก็ยังมั่นใจได้ว่า 1) จะมีคนเห็นเยอะ กระตุ้น Traffic ในการค้นหาแบรนด์ได้ 2) เป็นที่จดจำ 3) มีแฟนคลับอุดหนุน

อินฟลูเอนเซอร์ – จุดเด่นที่แน่นอนคือ มักจะมีกลุ่มเป้าหมายคนดูที่ชัดเจน เช่น กลุ่มที่สนใจความสวยความงาม, กลุ่มที่สนใจสิ่ง Luxury ฯลฯ การติดตามผลงานมีลักษณะที่ใกล้ชิด และสามารถเข้าถึงกับคนดูได้มากกว่า ส่งผลให้เกิดการซื้อสินค้าหรือบริการที่มาจากการเชื่อถือในสิ่งนั้นจริงๆ หากมีการพิจารณาสินค้าหรือบริการแล้วว่า เข้ากับอินฟลูเอนเซอร์คนนั้น (เพื่อให้ Vlogger คนนั้นสามารถอินไปกับสินค้า/บริการของคุณและแนะนำไปได้แบบเนียนๆ) + พิจารณาคนดูว่า มีกลุ่มเป้าหมายตรงกับสินค้า/บริการของคุณ หลังจากนี้แค่เตรียมสตอรี่บอร์ดและถ่ายทำ-ตัดต่อดีๆ ก็เรียบร้อย

คนธรรมดา – คนกลุ่มนี้จะเหมือนเพื่อนคุยกับเพื่อนมีความสนิทใกล้ชิดสูง ถ้ามีความไหลลื่นเป็นธรรมชาติจะสามารถสร้างความน่าเชื่อถือได้ไม่ยาก แต่ด้วยความที่ไม่มีฐานผู้ติดตามซักเท่าไหร่ก็อาจจะต้องเสี่ยงดวงเล็กน้อยว่า กลุ่มเป้าหมายจะมาดู Vlog นี้หรือไม่ จุดเด่นคือ 1) ค่าใช้จ่ายไม่แพง 2) ถ้าไหลลื่นดูเป็นธรรมชาติจะกระตุ้นความต้องการซื้อได้ไม่ยาก

นอกจากนี้ ก่อนที่จะเลือกผู้ทำ Vlog ให้เหมาะสมกับสินค้าหรือบริการของคุณจนออกมาปัง หลักสำคัญในการเลือกไม่ได้อยู่แค่เลือกคนกลุ่มไหน หรือมียอดวิว/ผู้ติดตามเท่าไหร่ แต่สำคัญคือ คุณควรที่จะเลือกคนที่มีไลฟ์สไตล์และการเล่าให้เหมาะกับสินค้าหรือบริการของคุณ โดยอาจจะลองนั่งดูคอนเทนต์ของ Vlogger แต่ละคนแล้วพิจารณาอีกครั้ง ก็จะทำให้ได้ Vlogger ที่โดนใจคุณและกลุ่มเป้าหมายอย่างแน่นอน