ตรุษจีน 2564 ปีนี้ตามปฏิทิน วันไหน “จ่าย” วันไหน “ไหว้” วันไหน “เที่ยว” มาดูกัน

ตรุษจีน ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของจีน ยึดตามปฏิทินของจีนทำให้ในแต่ละปีนั้นไม่สามารถระบุวันที่เป็นวันที่ตามปฏิทินสากลได้ บางปีก็อยู่ปลายเดือนมกราคม บางปีก็ต้นเดือนกุมภาพันธ์ มาปีนี้วันตรุษจีนตรงกับวันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งในช่วงเทศกาลนี้ก็จะมีวันที่พี่น้องชาวจีนให้ความสำคัญคล้ายกับกันสิ้นปีอยู่ด้วย เรามาดูกันว่าในแต่ละวันก่อนถึงวันขึ้นปีใหม่ของจีนนั้น ควรทำอะไรและไม่ควรทำอะไร วันไหนเรียกว่าวันอะไรบ้าง เอาให้เคลียร์กันไปเลย

วันจ่ายตรุษจีน (ตื่อเส็ก) วันพุธ ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564

“วันจ่าย” คือวันที่ออกไปซื้อของสำหรับใช้ไหว้ในวันสิ้นปี

วันนี้ตามเมืองใหญ่ ๆ จะจำกันได้ว่าเป็นอีกวันหนึ่งที่การจราจรวันนั้นจะติดขัดเป็นพิเศษ เพราะพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนจะพากันออกมาจับจ่ายใช้สอยกันอย่างเต็มรูปแบบ ไม่เฉพาะของไหว้เท่านั้นของกินด้วยก็เช่นกัน เนื่องจากวันนี้จะเป็นวันที่ร้านค้าจะขายของวันสุดท้ายก่อนจะทำการหยุดยาวในช่วงวันปีใหม่ของชาวจีนนั่นเอง ตามตลาดสดต่าง ๆ จะพบว่าหมูเห็ดเป็ดไก่จะมีการวางขายมากกว่าวันธรรมดา

ส่วนร้านอาหารแห้งก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน และบรรดาขนมเข่งขนมเทียนก็จะมีวางขายอย่างมากมายตามจุดต่าง ๆ แน่นอนว่าต้องรวมร้านผลไม้เข้าไปด้วย ตามธรรมเนียมของคนจีนแล้ววันนี้ถือว่าเป็นวันจ่าย ทำให้เจ้าของกิจการนิยมจ่ายโบนัสให้กับพนักงานในวันนี้ด้วย ใครที่ทำงานกับเจ้านายที่เป็นคนจีนหรือเชื้อสายจีนก็จะเตรียมรับทรัพย์กันได้ตั้งแต่วันนี้เลย ไม่ต้องรออั่งเปาเพราะวันแจกซองแดงเป็นวันหยุดและนิยมให้กันเฉพาะเครือญาติเท่านั้น วันนี้จะถือว่าเป็นวันก่อนวันสิ้นปี

วันไหว้ ปีนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564

“วันไหว้” ก็จะมีการไหว้หลายช่วงเวลา วันนี้ถือเป็นวันสิ้นปี

ในวันนี้บรรดามนุษย์เงินเดือนเชื้อสายจีนก็จะมีการเข้างานสายกว่าทุกวัน เพราะต้องรอทำการไหว้เจ้าให้เสร็จก่อน จากนั้นก็จะนิยมเอาของไหว้มาแจกจ่ายให้กับเพื่อนร่วมงาน จึงไม่น่าแปลกใจที่ในวันไหว้นี้ ในออฟฟิศหลายแห่งจะเต็มไปด้วยขนมเข่งและขนมเทียน แต่ของไหว้ไม่ได้มีแค่ขนมสองอย่างที่บอกไปเท่านั้น มาดูกันดีกว่าว่าของไหว้ยอดนิยมในเทศกาลตรุษจีนมีอะไรบ้างและแต่ละอย่างมีความหมายว่าอย่างไร

ถอดความหมาย ของไหว้ วันตรุษจีน 

-หมู มีกินมีใช้

-เป็ด มีความสามารถอันหลากหลาย

-ไก่ ขยันขันแข็ง

-ปลาหมึก เหลือกินเหลือใช้

-ปลา เหลือกินเหลือใช้ (เหมือนปลาหมึก)

-สาหร่าย มั่งคั่งร่ำรวย

-หน่อไม้ ร่ำรวยผาสุก

-หมี่ซั่ว อายุยืนยาว

-เม็ดบัว การมีบุตรชายจำนวนมาก

-ส้ม มหามงคล

-แอปเปิ้ล สันติสุข

-สาลี่ โชคลาภ (ไม่นิยมนำไปไหว้บรรพบุรุษ)

-องุ่น เพิ่มพูน

-กล้วย มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง

-ขนมสาลี่ รุ่งเรืองเฟื่องฟู

-ขนมไข่ เจริญเติบโต

-ขนมเข่ง หวานชื่นราบรื่น

-ขนมเทียน หวานชื่นราบรื่น

หลังจากที่ทราบความหมายกันแล้ว ก็สามารถเลือกของไหว้ได้ตามความเหมาะสมและกำลังทรัพย์ของแต่ละบ้าน ได้อย่างสบายใจ นอกจากวันนี้จะถือว่าเป็นวันสิ้นปีแล้ว ยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมของครอบครัวและเครือญาติที่จะต้องมารวมตัวกันหรือนัดกันออกไปกินข้าวมื้อเย็นร่วมกัน และจะต้องมีเมนู “เกี๊ยว” อยู่ในมื้อนั้นด้วย เพราะเชื่อว่าการกินเกี๊ยวในมื้อวันสิ้นปีรวมกันจะทำให้มีเงินมีทองใช้ตลอดปี ส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อว่ารูปร่างของเกี๊ยวนั้นเหมือนกับรูปทรงเงินของจีนนั่นเอง

“วันเที่ยว” (ชิวอิก) วันขึ้นปีใหม่หรือวันตรุษจีน ตรงกับวันศุกร์ ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564

วันนี้ ถือว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ของพี่น้องชาวจีน เพื่อความเป็นมงคลกับชีวิตจะนิยมทานมื้อแรกของวันนี้ด้วยอาหารเจ ด้วยความเชื่อที่ว่าทานเจมื้อนี้ก็จะเหมือนกันการได้ทานเจตลอดทั้งปีกันเลยทีเดียว หลังจากนั้นก็จะไปอาบน้ำแต่งตัวกันด้วยเสื้อผ้าสีสดใส งดสีขาวดำทุกกรณี ดังนั้นใครมีเสื้อสีแดงสีสดใสก็นำมาใสกันในวันนี้ได้อย่างเต็มที เพราะตามถนนหนทางในวันนี้ก็จะมีแต่คนใส่เสื้อสีแดงกันทั้งนั้น

วันนี้ก็จะถือว่าเป็นวันเที่ยวร้านค้าบริษัทที่เป็นของคนเชื้อสายจีนก็จะหยุดงานเพิ่มกันอีก 1 วัน อันนี้แล้วแต่เจ้าของบริษัทเลยไม่เกี่ยวกับรัฐบาล วันเที่ยวก็ต้องเที่ยววันนี้คนจีนจะไม่ทำงานต้องไปเที่ยวสถานเดียว บางคนก็จะถือเป็นโอกาสในการเดินทางไปเยี่ยมญาติที่อยู่ในละแวกเดียวกัน โดยเฉพาะบรรดาลูกหลานจะนิยมเดินทางนำเอาส้ม 4 ผลไปแลกกับทางญาติผู้ใหญ่ที่นับถือ แล้วส่วนมากผู้ใหญ่ก็มักจะฝากซองแดง หรืออั่งเป่าไปให้กับเด็ก ๆ อันนี้บรรดาเด็ก ๆ ชอบมากบางคนถึงขั้นแย่งกันเดินทางไปแลกส้มกันเลยทีเดียว

นอกจากนี้ยังมีธรรมเนียมปฏิบัติอีกหลายอย่างให้ทำกัน หนึ่งในนั้นก็คือวันนี้จะห้ามไม่ให้พูดคำไม่เป็นมงคล คำหยาบ หรือคำด่าใด ๆ เพราะถือว่าถ้าทำไปจะโชคร้ายไปตลอดปี วันนี้เป็นวันดีให้กล่าวคำอวยพรให้กันเป็นหลัก

Smart SME ขอให้ทุกท่าน “ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้” นะคะ