ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกร (Kasikorn Research) ชี้ว่า แม้คนไทยจะตระหนักและให้ความสำคัญกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น แต่การจะเลือกซื้อสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรือไม่นั้นยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อาทิ การช่วยลดหรือแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมได้จริงหรือไม่ และการมีราคาที่ผู้บริโภครับได้และเต็มใจจ่าย ซึ่งจากการสำรวจพบว่าอยู่ในกรอบ 1%-20% เมื่อเทียบกับราคาสินค้าปกติ ดังนั้น ผู้ประกอบการต้องคุมให้ตลอดสายการผลิตสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมีส่วนเพิ่มไม่เกิน 20% ควบคู่กับการเร่งสร้างความเชื่อมั่นในตัวผลิตภัณฑ์ อาทิ กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การแสดงฉลากหรือตราสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงการรักษ์สิ่งแวดล้อม และการให้ข้อมูลอื่นๆ
ทั้งนี้ ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคน่าจะเป็นกลุ่มที่ควรปรับกลยุทธ์ธุรกิจให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อตอบรับกับพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งจากการสำรวจพบว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่กว่า 82% สนใจที่จะซื้อสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในกลุ่มนี้มากที่สุด เนื่องจากมีการซื้อใช้อยู่เป็นประจำและบ่อยครั้ง จึงน่าจะปรับตัวได้ง่ายและบางส่วนก็ทำอยู่แล้ว อาทิ การเลือกผลิตภัณฑ์แบบเติม การใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากธรรมชาติและย่อยสลายได้ง่าย ซึ่งหากผู้ประกอบการหันมารุกทำตลาดกลุ่มสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง น่าจะจูงใจให้ผู้บริโภคสนใจเลือกซื้อสินค้าและบริการดังกล่าวมากขึ้น
โดยจากการทำแบบสอบถาม ที่ให้เลือกตอบได้มากกว่า 1 ข้อ สามารถสรุปออกมาได้ดังนี้
สินค้า-บริการ เป็นมิตรต่อสิงแวดล้อมที่จะเลือกซื้อมมากขึ้น
• สินค้าอุปโภค ของใช้ส่วนตัว 82%
• อาหาร-เครื่องดื่ม 57%
• เครื่องใช้ไฟฟ้า 45%
• อุปกรณ์สำนักงาน 45%
ความคาดหวังต่อการปรับตัวของธุรกิจในรูปแบบต่างๆ
• ผลิตภัณฑ์แบบเติม (Refill) 71%
• บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายง่าย 63%
• ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ 51%
• มีระบบรับคืนสินค้าหลังใช้ 41%
อย่างไรก็ดี การจะแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมนั้นยังต้องใช้เวลา ความต่อเนื่อง และความร่วมมือจากทุกฝ่าย แม้ในช่วงแรกอาจมีต้นทุนการดำเนินการที่สูง แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่จะได้ในเรื่องความเชื่อมั่น ภาพลักษณ์ ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ก็นับว่าคุ้มค่า ซึ่งหากผู้ผลิต (โดยการสนับสนุนของรัฐ) ปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิต หรือการบรรจุภัณฑ์ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม น่าจะดีกว่าการผลักภาระให้ผู้บริโภคตัดสินใจว่าจะยอมจ่ายแพงขึ้นหรือไม่ เพราะท้ายที่สุด เนื่องจากตลาดสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องตามเทรนด์โลก จึงเป็นโอกาสของภาคธุรกิจที่จะขยายตัวและทำให้ต้นทุนทยอยปรับลดลงในที่สุด
สำหรับธุรกิจไหนที่มีสินค้ากลุ่มเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือใครที่สนใจผลิตภัณฑ์รูปแบบนี้ แนะนำให้มาร่วมงาน Smart SME Expo 2021 #ชี้ช่องรวย #ที่เดียวจบพบทางรวย ซึ่งจัดติดต่อกันเป็นปีที่ 7 โดยงานจะเริ่มขึ้นระหว่างวันที่ 1–4 กรกฎาคม 2564 ณ ฮอลล์ 7–8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี พร้อมไฮไลท์ 5 โซนเด็ด เพื่อคนรักการทำธุรกิจสามารถมาต่อยอดโอกาสรับ New Normal ดังนี้
1. Franchise [Star Area] ธุรกิจดาวเด่นน่าลงทุน
2. Financial & Goverment สถาบันการเงินและหน่วยงานสนับสนุน
3. Beauty & Health ธุรกิจความงาม และสุขภาพ
4. Inno & Tech ธุรกิจนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อธุรกิจเอสเอ็มอี
5. Food & Beverage ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม
เปิดจองบูธแล้ววันนี้
Call Center 086 314 1482 , 094 915 4624
E-Mail : [email protected]