พลัฏฐ์ ปาจิตร ข้าราชการชลประทานที่ส่งหัวใจไปถึงเกษตรกร


บุคคลชลประทานฉบับนี้จะพาไปทำความรู้จักกับ “นายพลัฏฐ์ ปาจิตร” หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 1 โครงการชลประทานอุทัยธานี ผู้ที่รับราชการในกรมชลประทานมานานกว่า 10 ปี เป็นคนหนุ่มไฟแรงวัย 33 ปี ผู้ชายที่กล้ายอมรับตามตรงว่า ความใกล้ชิดกับพี่น้องเกษตรกรนำพาให้เขา “รักงานชลประทาน”

 

คำตอบที่ถูกเพียงครึ่ง

พลัฏฐ์ เล่าว่า เขาเป็นคนจังหวัดอุทัยธานี เรียนจบระดับชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนอุทัยวิทยาคม หลังจากนั้น ได้ศึกษาต่อที่วิทยาลัยการชลประทาน สถาบันสมทบ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จนจบปริญญาตรีใน พ.ศ. 2552 โดยมีคุณพ่อและคุณแม่ประกอบอาชีพรับราชการทั้งคู่ อ่านมาถึงบรรทัดนี้ผู้อ่านหลายท่านอาจจะได้คำตอบว่า สิ่งนี้อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาเลือกเข้ามาสังกัด เป็นข้าราชการกรมชลประทาน ซึ่งเหตุผลดังกล่าว มีความถูกต้องเพียงแค่ครั้งเดียว

“มีคนเคยถามว่าทำไมผมถึงเรียนด้านการชลประทาน ต้องขอตอบตามตรงว่าตอนแรกคิดจะสอบสัตวแพทย์ เพราะความฝันในวัยเด็ก อยากจะมีบั้นปลายชีวิตทำฟาร์ม หรือว่ามีรีสอร์ตใช้ชีวิตเรียบง่ายที่บ้านเกิด แต่สุดท้ายสอบไม่ติดสัตวแพทย์ แต่สอบติดวิทยาลัยการชลประทาน ซึ่งเลือกเป็นอันดับ 3 ตามคำแนะนำของคุณพ่อ” พลัฏฐ์ให้เหตุผลถึงการเลือกเรียนด้านชลประทาน อย่างตรงไปตรงมา

 

 

หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษา

ภายหลังสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ใน พ.ศ. 2552 แล้ว พลัฏฐ์ได้เข้ามาทำงานกับกรมชลประทานในตำแหน่งลูกจ้างชั่วคราวที่โครงการชลประทานอุทัยธานี หลังจากนั้นก็มาสอบเป็นพนักงานราชการ ตำแหน่งวิศวกรชลประทาน ที่สำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยาปฏิบัติงานอยู่ที่นี่ได้ 1 ปี ก็สอบเป็นข้าราชการ ตำแหน่งวิศวกรชลประทานปฏิบัติการได้ใน พ.ศ. 2555

“เมื่อบรรจุเป็นข้าราชการกรมชลประทานอย่างเต็มตัว ผมก็มาประจำหน้าที่อยู่ที่โครงการชลประทานอุทัยธานี ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานในเรื่องแผนงานและงบประมาณการการจัดซื้อจัดจ้างการบริหารสัญญาและอื่น ๆ ตามแต่ผู้บังคับบัญชาจะมอบหมาย ซึ่งก็อยู่ในตำแหน่งนี้จนถึง พ.ศ. 2559 ผมก็ถูกเลื่อนขึ้นมาเป็นหัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 3 โครงการชลประทานอุทัยธานี ซึ่งในตำแหน่งนี้ สำหรับคนชลประทานอย่างผมคิดมาเสมอว่าหน้าที่ต้องรับผิดชอบนี้ คือ การทำหน้าที่ด้านหน้าของกรมชลประทานที่ใกล้ชิดกับพี่น้องเกษตรกรมากที่สุด ถ้าเปรียบเทียบกับบริษัท เกษตรกรเหมือนเป็นลูกค้าและเราคือพนักงานด่านแรกที่จะทำให้ชาวบ้านมีสายตาในการมองกรมชลประทานว่าทำงานเป็นอย่างไร”

 

ยิ่งใกล้ชิดเกษตรกร ยิ่งรักงานชลประทาน

ไม่น่าเชื่อว่า การได้ทำงานในตำแหน่งหัวหน้าฝ่าย ส่งน้ำและบำรุงรักษา จะทำให้พลัฏฐ์มีความรู้สึกที่ดีกับ งานชลประทานมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้ง ๆ ที่ในตอนแรกนั้น เขาไม่ได้รู้จักงานชลประทานเลยแม้แต่น้อย

“พอได้รับโอกาสให้มาอยู่ฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 3 มันมีความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกรักงานชลประทานมากขึ้น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นเพราะการได้ทำงานใกล้ชิดเกษตรกรที่มากขึ้น โดยมีการจัดประชุมบ่อยครั้งเพื่อให้ได้รู้จักและสนิทกับเกษตรกร สอบถามปัญหาในพื้นที่เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาที่ พี่น้องเกษตรกรมีได้ตรงจุดตรงเป้า และที่สำคัญที่ไม่ต้องถามใครเลยคือ พยายามดูแลคลองส่งน้ำและคลองระบายน้ำที่รับผิดชอบให้สะอาดน่ามอง ส่วนสาเหตุที่ทำนั้นเพราะเราต้องการให้เขาเห็นถึงความมุ่งมั่น ความตั้งใจ ที่เจ้าหน้าที่ชลประทานมีให้

 

 

ข้าราชการพลเรือนดีเด่น รางวัลแห่งการให้

ปัจจุบัน พลัฏฐ์มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 1 และควบคู่ไปกับการรักษาการ ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 3 เท่ากับว่า เขามีหน้าที่ที่ต้องดูแลพี่น้องเกษตรกรถึง 2 พื้นที่เป็นหน้าที่ที่ท้าทายสำหรับคนหนุ่มที่วัยเพิ่งเข้าหลัก 30 ปี ได้ไม่นาน และนี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา เขาได้รับรางวัลข้าราชการพลเรือนดีเด่นระดับกรม

“การที่ผมได้รับรางวัลนี้ ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเพื่อนร่วมงานและรุ่นพี่ รวมถึงนายสุรชาติ มาลาศรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารโครงการ ซึ่งขณะนั้นท่าน มีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 12 ได้เสนอให้ผมส่งผลงานเข้าประกวดจนได้รับรางวัล”
โดยผลงานที่พลัฏฐ์นำเสนอ เขาเองเรียกว่า การให้ความสำคัญกับเกษตรกรเพื่อให้เข้าถึงใจเกษตรกร เป็นงานที่หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาทุกคนทำกันอยู่แล้ว เป็นงานที่มีรูปธรรมจับต้องได้ ใช้หลักการคิดแบบการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อเปิดใจเกษตรกร ไม่ว่างานจะอยู่ในขั้นตอนไหนเขาจะเป็น คนเข้าไปอธิบาย สื่อสาร อัปเดตสถานการณ์การ แก้ปัญหาให้เกษตรกรทุกคนได้รับทราบอย่างละเอียด เพื่อให้เกษตรกรรู้ว่าเจ้าหน้าที่ชลประทานทำอะไรอยู่ มีแผนการพัฒนาพื้นที่อย่างไร เป็นไปตามที่เกษตรกร อยากได้หรือไม่

 

 

อนาคตที่ต้องสร้างอย่างค่อยเป็นค่อยไป

เมื่อถามไปถึงแผนงานหรือสิ่งที่พลัฏฐ์อยากจะทำในอนาคต ด้วยความที่เป็นคนหนุ่มที่มีนิสัยเรียบง่ายเขาตอบทันทีว่า อยากจะเข้าถึงพี่น้องเกษตรกรให้มากขึ้น พัฒนาให้เกษตรกรมีประสิทธิภาพมากขึ้น เข้ากับสังคมไทย ในยุค 4.0

“สิ่งที่อธิบายนี้ไม่ใช่แผนงานในอนาคต แต่เป็นสิ่งที่ผมทำอยู่เพื่อสร้างอนาคต เนื่องจากส่วนใหญ่ เกษตรกรจะเป็นผู้สูงอายุ ดังนั้น การจะทำให้ทุกคนเปิดรับสิ่งใหม่เช่นเทคโนโลยีนั้นเป็นเรื่องยาก แต่ผม มองว่าสามารถทำได้ ผ่านการค่อย ๆ ปรับการรับรู้ข้อมูล ข่าวสาร ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้อย่างค่อยเป็นค่อยไป เช่น การนำเสนอชุดข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับน้ำ ดิน พืช เทคโนโลยี เพื่อเรียนรู้ที่จะพึ่งพาตนเองโดยใช้เทคโนโลยีช่วยทำให้การทำการเกษตรและบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ง่ายขึ้น เพื่อให้เขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และพัฒนาตัวเองได้ไม่มากก็น้อย โดยเชื่อว่าทุกคนมีศักยภาพที่จะพัฒนาตนเองได้อยู่ตลอดสำหรับผมแล้วการได้เห็นเกษตรกรแม้เพียง 1 เปอร์เซ็นต์ สามารถปรับตัวและพัฒนาตัวเองจากการทำงานของเรา ผมก็ดีใจมากแล้ว”

ท้ายนี้ พลัฏฐได้ขอฝากถึงน้องๆ ที่ทั้งบรรจุและ กำลังสอบเข้าบรรจุเป็นข้าราชการกรมชลประทาน ทุกคนว่า เขาเชื่อว่าข้าราชการทุกคนมีความสามารถ อย่างตัวพลัฏฐ์ก็มุ่งพัฒนาตนเองอยู่ตลอด ครั้งหนึ่ง เขาเคยเป็นน้องใหม่และอยากเป็นคนที่รอบรู้ทุกแขนงวิชา เช่น เรารู้เรื่องงานวิศวกรรมแล้ว ก็อยากรู้งานการเงิน งานบริหาร งานช่างกล งานบริหารจัดการน้ำเป็นอย่างไร การรอบรู้งานหลายด้านจะทำให้การบริหารจัดการงานง่ายขึ้น เพราะจะเห็นภาพรวมขององค์กรที่กว้าง จึงอยากให้ทุกคนพัฒนาตนเองขึ้นเรื่อย ๆ นั่นย่อมทำให้เราเป็นคนที่เก่งยิ่งขึ้นในทุกๆ ปี และที่สำคัญต้องไม่กลัวที่จะขอความรู้จากผู้อื่น จงยินยอมให้คนรอบตัวเป็นครูของเราเสมอ