“กรมพัฒน์” ปรับโฉมค้าปลีกทั่วประเทศ สู่ “สมาร์ทโชวห่วย”


“กรมพัฒน์” จับมือ “ยูนิลีเวอร์” มอบชั้นวางสินค้าให้โชห่วยกว่า 100 ร้านค้า พร้อมตั้งเป้า ผลักดันร้านค้าปลีกทั่วประเทศสู่การเป็นสมาร์ทโชห่วย สร้างความเข้มแข็งระยะยาว

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ร้านโชห่วย หรือร้านค้าปลีกชุมชนขนาดเล็ก เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นที่ตอบสนองความต้องการของคนในชุมชนขั้นพื้นฐาน การพัฒนาผู้ประกอบธุรกิจร้านค้าส่งค้าปลีกให้บริหารจัดการธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยยกระดับให้ธุรกิจเป็นที่เชื่อถือ และยอมรับจากผู้ใช้บริการ

นอกจากนี้ การรักษาสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อส่วนรวม ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องใส่ใจ เพื่อสร้างพื้นฐานทางธุรกิจให้แข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการสร้างรากฐานคุณภาพชีวิตที่ดีของคนในสังคม

และเมื่อเร็วๆ นี้ กรมฯ ร่วมกับ บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด นำชั้นวางสินค้ารีไซเคิลมอบให้ร้านโชห่วยจำนวน 100 ร้านค้า ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา โดยเริ่มนำร่องในพื้นที่อำเภอปากช่องจำนวน 3 ร้านค้า คือ ร้านสมบัติ มินิมาร์ท ร้านเขาใหญ่สโตร์นิวส์ และร้านติ๊ก (หลายสิ่งลิตเติ้ลมาร์ท) พร้อมรับฟังปัญหา อุปสรรค ก่อนให้คำแนะนำเพื่อพัฒนาสู่การเป็นสมาร์ทโชห่วยต่อไป

รองอธิบดีกล่าวอีกว่า กรมฯ ขอขอบคุณบริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ที่ตระหนักถึงความสำคัญในการดำเนินธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสนับสนุนให้ผู้ประกอบการร้านโชห่วยหันมาใช้ชั้นวางสินค้ารีไซเคิลมาใช้ทดแทนชั้นวางสินค้าแบบเดิม

โดยชั้นวางสินค้าดังกล่าวผลิตจากบรรจุภัณฑ์ที่ผู้บริโภคใช้แล้ว (Post-consumer) อาทิ ถุงเติมน้ำยาล้างจาน น้ำยาซักผ้า สบู่ แชมพู นำไปสร้างเป็นไม้เทียมและประกอบเป็นชั้นวางสินค้าที่มีความคงทน และมีอายุการใช้งาน 5-10 ปี

ทั้งนี้ การนำชั้นวางสินค้ารีไซเคิลมาใช้ทดแทน ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่แสดงถึงความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมของร้านค้าโชห่วย ซึ่งสอดคล้องกับโมเดลการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDG Model) ของสหประชาชาติ (การพัฒนาอย่างยั่งยืนในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม)

สำหรับ ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการสมาร์ทโชวห่วยของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จะได้รับการพัฒนาภาพลักษณ์ร้านค้าและส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีให้แข่งขันได้และมีการบริหารจัดการที่ดี มีกำไรเพิ่มขึ้นรวมถึงแข่งขันกับร้านค้าปลีกสมัยใหม่ได้ ซึ่งการเสริมอาวุธให้กับร้านค้าปลีก

“เพราะโชห่วยมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้บริโภคในทุกพื้นที่ อีกทั้งเป็นแหล่งการจ้างงานเป็นช่องทางการกระจายสินค้าของผู้ผลิตสินค้าชุมชนรวมถึงสินค้า OTOP และที่สำคัญยังเป็นช่องทางการช่วยเหลือประชาชนซึ่งภาครัฐได้สนับสนุนโครงการต่างๆ เช่น บัตรสวัสดิการและโครงการเราชนะ โชวห่วยจึงจำเป็นที่จะต้องมีความเข้มแข็ง และเป็นรากฐานให้กับสังคมไทยต่อไป” รองอธิบดี กล่าว