“คลัง” ลดเป้า GDP ปี 64 เหลือโต 2.3% เหตุโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่


ดูเหมือนว่า GDP ของเศรษฐกิจไทยในปี 2564 จะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ คือ 4% หลังกระทรวงการคลังออกมาปรับเป้า GDP ใหม่จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะโต 2.8% เหลือ 2.3%

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยได้ส่งผลกระทบกับกิจกรรมทางด้านเศรษฐกิจ การเดินทางระหว่างประเทศ และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ด้วยเหตุนี้ทำให้กระทรวงการคลังปรับเป้าการเติบโตของ GDP ในปี 2564 จาก 2.8% เหลือ 2.3%

เมื่อดูภาพรวมของเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ พบว่าการบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวที่ 2.3% ต่อปี, การบริโภคภาครัฐ และการลงทุนภาครัฐจะขยายตัว 5.0% และ 10.1% ต่อปี ตามลำดับ, อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 1.4% โดยปรับตัวขึ้นจากปีก่อน ตามทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และน้ำมันดูไบที่ปรับตัวสูงขึ้น, เสถียรภาพเศรษฐกิจภายนอกประเทศ คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุล 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 0.2%

อย่างไรก็ตาม ประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทยมีแนวโน้มฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง จากมาตรการการคลัง และการเงินที่ประเทศต่าง ๆ ดำเนินการ เพื่อเยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจส่งผลให้การส่งออกสินค้าไทยมีแนวโน้มปรับตัวดียิ่งขึ้น โดยคาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าไทยจะขยายตัว 11%

นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังต้องประเมินปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แบ่งออกเป็น 4 ด้านด้วยกัน

1.การระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ในหลายประเทศที่มีความรุนแรง และยืดเยื้อ

2.ข้อจำกัดในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

3.ราคาน้ำมันดิบที่อาจปรับเพิ่มขึ้นได้ จากปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ในหลายประเทศ

4.ความผันผวนของระบบการเงินโลก และเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังมีความพร้อมในการดำเนินมาตรการทางการคลังเพิ่มเติมเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็น การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ ประกอบกับนโยบายการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ที่เน้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะการลงทุนด้านดิจิทัลและนโยบายการยกระดับปรับทักษะแรงงาน จะมีส่วนช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป