เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) ประกาศสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศคู่ค้ารายสำคัญ ภายใต้กฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ (Special 301) ประจำปี 2564 ไทยยังคงรักษาสถานะอยู่ในบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List: WL)
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า “สหรัฐฯ ชื่นชมรัฐบาลไทยที่ให้ความสำคัญด้านการคุ้มครองและป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และชื่นชมกระทรวงพาณิชย์ที่มีการพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญาอย่างต่อเนื่อง มีการปราบปรามการละเมิดทั้งในท้องตลาดและบนอินเทอร์เน็ต การพัฒนากฎหมายให้ทันสมัยตอบโจทย์กับสถานการณ์ปัจจุบัน
การเตรียมการเข้าเป็นภาคีความตกลงระหว่างประเทศ เช่น ความตกลงกรุงเฮกว่าด้วยการจดทะเบียนสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ระหว่างประเทศ และสนธิสัญญาว่าด้วยลิขสิทธิ์แห่งองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก รวมถึงการจัดกิจกรรมสร้างความตระหนักรู้ด้านทรัพย์สินทางปัญญาในหลากหลายรูปแบบ นอกจากนี้ ยังชื่นชมกระทรวงพาณิชย์ที่เป็นหน่วยงานแกนกลางระหว่างภาครัฐของไทยกับภาคเอกชนต่างประเทศ ทำให้สหรัฐฯ ทราบการดำเนินการของไทยที่ชัดเจน”
อย่างไรก็ดี สหรัฐฯ ยังมีข้อห่วงกังวลในบางประเด็น อาทิ การคุ้มครองและการบังคับใช้สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา และการละมิดทรัพย์สินทางปัญญาในช่องทางต่างๆ เป็นต้น หลังจากนี้ กรมทรัพย์สินทางปัญญาจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสหรัฐฯ จัดทำแผนงานด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP Work Plan) เพื่อผลักดันให้ไทยหลุดจากทุกบัญชีในอนาคต ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญ
นายวุฒิไกร กล่าวเพิ่มเติมว่า “ปีนี้ ประเทศที่สหรัฐฯ จัดอยู่ในบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List: WL) มี 23 ประเทศ เช่น ไทย เวียดนาม ปากีสถาน จีเรีย โรมาเนีย ตุรกี บราซิล แคนาดา และเปรู เป็นต้น ส่วนบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองพิเศษ (Priority Watch List: PWL) ในปีนี้มี 9 ประเทศ ได้แก่ จีน อินโดนีเซีย อินเดีย ซาอุดิอาระเบีย รัสเซีย ยูเครน อาร์เจนตินา ชิลี และเวเนซุเอลา”
“ผลการจัดสถานะประจำปีนี้ถือว่าน่าพอใจ และในฐานะที่กำกับดูแลกรมทรัพย์สินทางปัญญา ขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ที่ร่วมแรงร่วมใจในการทำงานอย่างหนักมาโดยตลอด และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกหน่วยงานจะร่วมมือกันต่อไป”
การที่ไทยมุ่งมั่นพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญาอย่างต่อเนื่อง นอกจากจะส่งผลให้ไทยสามารถรักษาสถานะในบัญชี WL ไว้ได้แล้ว ยังมีส่วนเสริมสร้างบรรยากาศทางการค้าการลงทุนในประเทศ และสร้างแรงจูงใจให้คนไทยคุ้มครองและใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญามากยิ่งขึ้น อันจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ และข้ามผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน