อานิสงส์ ‘ถุงมือยางไทย’ เมื่อดีมานด์พุ่ง แต่ยังต้องจับตาความท้าทายหลัง COVID-19


ตามที่กระทรวงพาณิชย์ ได้มีการหารือร่วมกับคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำของวุฒิสภา โดยมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นการช่วยส่งเสริมสินค้าฮาลาลและช่วยกันแก้ไขปัญหายางพาราในจังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วยกันส่งเสริมตลาดถุงมือยางธรรมชาติ ส่งเสริมการใช้ยางพาราในประเทศ

ซึ่งเรื่องที่น่ายินดีคือขณะนี้ประเทศไทยมีเทคโนโลยีที่สามารถทำถุงมือยางธรรมชาติแบบโปรตีนต่ำ กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดโลกได้แล้ว และได้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีไปยังบริษัทถุงมือยางหลายราย ตรงกับยุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต” หวังว่าภายใต้ความร่วมมือของกระทรวงพาณิชย์กับคณะกรรมาธิการของวุฒิสภาจะช่วยทำการประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รับทราบในตลาดโลกต่อไป

ขณะที่เรายังคงต้องจับตาการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ยังคงยืดเยื้อในหลายภูมิภาคทั่วโลกในปัจจุบัน ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณการใช้ถุงมือยางโลกในปี 2021 มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ได้วิเคราะห์ภาพรวมของ ถุงมือยางไทย : โอกาสในปี 2021 และความท้าทายหลัง COVID-19 ซึ่งระบุว่า 

Malaysian Rubber Glove Manufacturers Association (MARGMA) คาดการณ์ว่า ปริมาณการใช้ถุงมือยางโลกในปี 2021 มีแนวโน้มอยู่ที่ 420,000 ล้านชิ้น ขยายตัว 17% จากปี 2020 ซึ่งอยู่ที่ 360,000 ล้านชิ้น ประกอบกับในเดือนมีนาคม 2021 COVID-19 ได้กลับมาแพร่ระบาดรุนแรงขึ้นอีกครั้งในหลายประเทศ ส่งผลให้ความต้องการใช้ถุงมือยางโลกยังมีแนวโน้มขยายตัวสูงในปีนี้

นี่จึงนับเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยในการผลิตและส่งออกถุงมือยางไปยังตลาดโลก โดยในไตรมาสแรกของปี 2021 ปริมาณการส่งออกถุงมือยางไทยอยู่ที่ 6,494 ล้านคู่ ขยายตัว 23% จากช่วงเดียวกันของปี 2020 ขณะที่มูลค่าการส่งออกถุงมือยางไทยอยู่ที่ 1,069 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวสูงถึง 230% จากช่วงเดียวกันของปี 2020 นับเป็นการขยายตัวอย่างโดดเด่นต่อเนื่องจากปี 2020

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ที่ผ่านมา U.S. Customs and Border Protection (CBP) ได้ประกาศยุติการนำเข้าถุงมือยางจากทุกโรงงานของบริษัท Top Glove ซึ่งเป็นผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่อันดับ 1 ของมาเลเซีย และของโลก จากประเด็นการละเมิดสิทธิแรงงาน หลังจากที่ในเดือนกรกฎาคม 2020 ที่ผ่านมา CBP ได้ประกาศยุติการนำเข้าถุงมือยางจาก 2 โรงงานของบริษัท Top Glove มาแล้ว จากประเด็นการละเมิดสิทธิแรงงาน เช่น การใช้แรงงานเด็ก เอาเปรียบแรงงานข้ามชาติ การทำงานที่เป็นอันตราย สภาพความเป็นอยู่ที่ไม่เหมาะสม

EIC มองว่า สถานการณ์ดังกล่าว น่าจะเป็นอานิสงส์ให้ผู้ประกอบการถุงมือยางไทยส่งออกถุงมือยางไปยังตลาดสหรัฐอเมริกาได้มากขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายน 2021 เป็นต้นไป และมีโอกาสเพิ่มส่วนแบ่งตลาดถุงมือยางในสหรัฐอเมริกาได้ จากปัจจุบันที่สหรัฐอเมริกานำเข้าถุงมือยางจากไทยคิดเป็นสัดส่วน 15% ของปริมาณการนำเข้าถุงมือยางโดยรวม

 

ผู้ผลิตไทย – มาเลย์ เดินหน้าผลิตต่อเนื่อง

 

ผู้ประกอบการถุงมือยางไทย และมาเลเซียยังคงขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง ในปี 2020 ที่ผ่านมา ปริมาณการผลิตถุงมือยางโลกเพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากผู้ผลิตไทย และมาเลเซียที่เร่งขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการใช้ถุงมือยางที่เพิ่มสูงขึ้นมาก

และสำหรับในปี 2021 นี้ ผู้ประกอบการถุงมือยางไทยก็ยังคงขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยกำลังการผลิตถุงมือยางของไทยโดยรวมจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านชิ้น และจะทำให้ไทยมีกำลังการผลิตถุงมือยางโดยรวม ณ สิ้นปี 2021 ไม่ต่ำกว่า 56,000 ล้านชิ้น หรือเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 22% จากปี 2020 ซึ่งนอกจากจะเป็นผลมาจากการขยายกำลังการผลิตของผู้ประกอบการถุงมือยางรายใหญ่ของไทยแล้ว อีกส่วนหนึ่งยังมาจากการเข้าสู่ตลาดของผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ ทั้งไทย และต่างชาติที่เข้ามาลงทุนผลิตถุงมือยางในไทยมากขึ้นอีกด้วย

ขณะเดียวกันบริษัท Top Glove ซึ่งเป็นผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่อันดับ 1 ของมาเลเซีย และของโลก ก็ขยายกำลังการผลิตถุงมือยางอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน โดยวางแผนเพิ่มกำลังการผลิตถุงมือยางอีก 19,000 ล้านชิ้นในปีนี้ คิดเป็นกำลังการผลิตรวม 110,000 ล้านชิ้น ขยายตัว 21% จากปี 2020

เช่นเดียวกับ Hartalega ซึ่งเป็นผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่อันดับ 2 ของมาเลเซีย ที่วางแผนเพิ่มกำลังการผลิตถุงมือยางอีก 19,000 ล้านชิ้นในปีนี้ ซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิตรวม 63,000 ล้านชิ้น ขยายตัว 43% จากปีก่อนหน้า

การขยายกำลังการผลิตของผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่ดังกล่าว จะส่งผลให้กำลังการผลิตถุงมือยางของมาเลเซียโดยรวมในปี 2021 ไม่ต่ำกว่า 250,000 ล้านชิ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่ต่ำกว่ากว่า 60% ของความต้องการใช้ถุงมือยางทั่วโลกในปี 2021

EIC มองว่า ในปี 2021 จะยังคงเป็นตลาดของผู้ประกอบการถุงมือยาง (Seller’s market) ซึ่งแม้ว่าต้นทุนการผลิตจะสูงขึ้นจากราคาวัตถุดิบน้ำยางข้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ตลาดโลกยังมีความต้องการใช้ถุงมือยางปริมาณมาก ทำให้ผู้ประกอบการยังสามารถปรับขึ้นราคาขายถุงมือยาง และรักษาอัตรากำไรเอาไว้ได้

ทั้งนี้อุตสาหกรรมยานยนต์ในปี 2020 ที่อยู่ในภาวะซบเซา ส่งผลให้มีการนำน้ำยางสดไปแปรรูปเป็นยางแผ่น และยางแท่งเพื่อผลิตยางรถยนต์ลดลง โดยสัดส่วนการนำยางพาราไปผลิตยางยานหาหนะของไทยในปี 2020 ลดลงมาอยู่ที่ 49% ของปริมาณการใช้ยางพาราในประเทศ จากในอดีตที่สัดส่วนการนำยางพาราไปผลิตยางยานหาหนะของไทยจะอยู่ที่ประมาณ 60% ของปริมาณการใช้ยางพาราในประเทศ สวนทางกับความต้องการนำน้ำยางข้นไปใช้เป็นวัตถุดิบผลิตถุงมือยางที่เพิ่มสูงขึ้น

โดยนับตั้งแต่เริ่มเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ส่งผลให้สัดส่วนการนำยางพาราไปผลิตถุงมือยางของไทยในปี 2020 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 13% ของปริมาณการใช้ยางพาราในประเทศ เทียบกับปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 10% ของปริมาณการใช้ยางพาราในประเทศ

ทั้งนี้ความต้องการนำน้ำยางสดไปแปรรูปเป็นน้ำยางข้นเพื่อผลิตถุงมือยางที่มากขึ้นดังกล่าว ยังไม่ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนน้ำยางสดในปี 2020 เนื่องจากภาวะหดตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ ทำให้มีการนำน้ำยางสดไปแปรรูปเป็นยางแผ่น และยางแท่งเพื่อผลิตยางรถยนต์ลดลง และมีการแปรรูปน้ำยางสดเป็นน้ำยางข้นเพื่อผลิตถุงมือยางแทน อย่างไรก็ดี ราคาน้ำยางข้นในปี 2020 ปรับตัวสูงขึ้น

โดยนอกจากจะได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการใช้ถุงมือยางที่ขยายตัวแล้ว ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2020 ยังได้รับปัจจัยหนุนจากราคายางพาราในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ที่ทำให้ความต้องการใช้ยางพาราเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นตามมา

 

บทวิเคราะห์จากเว็บไซต์ EIC

อ่านฉบับเต็มได้ที่

https://www.scbeic.com/th/detail/product/7565