ปตท.- CPF เปิดศึกชิงตลาด Plant-based ใช้นวัตกรรม-ช่องทางขายสร้างความได้เปรียบ


ตลาด Plant-based Food กลายเป็นเทรนด์อาหารที่กำลังมาแรง เป็นที่พูดถึงของผู้บริโภคในชั่วโมงนี้ ด้วยความที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ผู้คนหันมาใส่ในเรื่องของสุขภาพ เข้มงวดในเรื่องของการรับประทานมากขึ้น เหล่านี้จึงทำให้หลายธุรกิจเริ่มหันมาขยายตลาดอาหารที่ทำมาจากพืชโปรตีนสูง

Plant-based Food คือกลุ่มอาหารที่มีกระบวนการผลิตโดยนำพืชที่มีโปรตีนสูง เช่น อัลมอนด์, ถั่ว, เห็ด มาพัฒนาให้ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกับเนื้อสัตว์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับผู้ที่ไม่ชอบรับประทานเนื้อสัตว์ แถมยังส่งผลดีต่อสุขภาพอีกด้วย

โดยในประเทศไทยตลาด Plant-based Food ยังมีโอกาสเติบโตกับตลาดที่เปิดกว้าง สอดคล้องกับข้อมูลของศูนย์วิจัยกรุงไทย ที่คาดการณ์ว่า ธุรกิจ Plant-based Food ในประเทศไทยจะมีมูลค่าถึง 4.5 หมื่นล้านบาท ในปี 2024 หรือเฉลี่ยเติบโตปีละ 10% และมีอัตรากำไรดีขึ้นจากเดิมที่ 2-10 % ทะยานพุ่งสูงไปถึง 10-35%

แน่นอนว่าด้วยโอกาสของตลาดที่รออยู่ จึงทำให้แบรนด์ยักษ์ใหญ่เริ่มหันมาจับตลาด Plant-based Food โดยเฉพาะ ปตท. และ CPF ที่เริ่มประกาศตัวเข้าสู่ตลาดนี้อย่างเป็นทางการ

ปตท.ลุยธุรกิจผลิตเนื้อเทียมจากพืช คาดมีกำลังการผลิต 3,000 ตันต่อปี

แม้ว่าผู้คนจะรู้จัก ปตท. กันดีในภาพของธุรกิจเกี่ยวกับน้ำมัน และพลังงาน แต่อีกด้านหนึ่งบริษัทก็พร้อมขยายธุรกิจออกไปสู่บริการอื่น ๆ เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่ร่วมมือกับ บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) (NRF) มีมติเห็นชอบจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด (บริษัทย่อยที่ ปตท. ถือหุ้น 100%) และ บริษัท โนฟ ฟู้ดส์ จำกัด (บริษัทย่อยที่ NRF ถือหุ้น 100%) ในสัดส่วนการถือหุ้นที่เท่ากันบริษัทละ 50%

บริษัทที่จัดตั้งมานั้นจะดำเนินธุรกิจพัฒนา และจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนจากพืชแบบครบวงจร ตั้งเป้าจะจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทแล้วเสร็จในไตรมาส 3/2564 ด้วยทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าจะผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 4/2565 จากการใช้เทคโนโลยีชั้นสูงที่มีกำลังการผลิต 3,000 ตันต่อปี

ปตท. ให้เหตุผลถึงการเข้ามาลงทุนในธุรกิจ Plant-based Food ก็เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่หันมาให้ความสำคัญในเรื่องของสุขภาพมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาการเกษตรให้สอดรับกับยุคสมัยใหม่ที่มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนา เป็นส่วนหนึ่งของการผลิต

CPF รุกตลาด Plant-based Food เปิดตัว MEAT ZERO ตั้งเป้าติด Top 3 ของโลก

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF เปิดตัว MEAT ZERO ผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืช โดยมีการนำนวัตกรรมเข้ามาใช้เป็นส่วนหนึ่งของการผลิตจนมีรสชาติออกมาคล้ายกับเนื้อสัตว์จริง ๆ โดยบริษัทหวังจะสร้าง MEAT ZERO ให้กลายเป็นผู้นำในตลาดเนื้อทางเลือก 1 ใน 3 ภายในระยะเวลา 5 ปี ผ่านการทำตลาดทั้งในประเทศไทย และอีกกว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยจะเริ่มส่งออกไปยังตลาดในภูมิภาคเอเชีย แล้วค่อยขยายไปยังยุโรป และอเมริกาต่อไป

สำหรับผลิตภัณฑ์ MEAT ZERO มีให้เลือกอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น โบโลน่าจากพืช, เบอร์เกอร์หมูจากพืช, สปาเกตตีเนื้อสับ, ข้าวกะเพราเนื้อจากพืช, นักเกตไก่จากพืช, เนื้อบดจากพืช ในราคาตั้งแต่ 35-69 บาท

การรุกตลาด Plant-based Food ของ CPF มาจากการเล็งเห็นพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้น หลายคนมีการควบคุมอาหาร ลดน้ำหนัก ละเว้นการรับประทานเนื้อสัตว์เป็นครั้งคราว รวมถึงความเชื่อในเรื่องของการเลือกเว้นเนื้อสัตว์ตามวันเดือนปีเกิด ซึ่งเรียกคนกลุ่มนี้ว่า มังสวิรัติยืดหยุ่น จึงทำให้กลุ่มผู้บริโภคที่กล่าวมามีความต้องการอาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ด้วยความเป็นผลิตภัณฑ์ที่หาซื้อได้ยาก และมีราคาสูง จึงทำให้ CPF เดินหน้าเปิดตัว MEAT ZERO ที่เข้ามาตอบโจทย์ความต้องการในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น

แน่นอนว่าการกระโดดเข้ามาในตลาด Plant-based Food ทั้ง ปตท. และ CPF แม้ว่าจะไม่ใช่ผู้นำของตลาดอันดับ 1 ในชั่วโมงนี้ แต่จุดแข็งเรื่องความพร้อม ทั้งเงินทุนด้วยความเป็นบริษัทรายใหญ่, ช่องทางการจำหน่ายที่มีธุรกิจในเครือมากมาย โดยเฉพาะ CPF ที่ต้องไม่ลืมว่าพวกเขามีร้านสะดวกซื้ออยู่ในมืออย่าง 7-Eleven ที่มีสาขามากกว่า 12,000 แห่งทั่วประเทศ รวมถึง Lotus, makro ที่สามารถใช้เป็นช่องทางกระจายสินค้าได้เป็นอย่างดี