วิกฤต “ชิปหาย” กระทบกับอุตสาหกรรมโดยรวม


หลายคนอาจจะคิดว่า “ชิปหาย” เป็นความหมายอีกแบบหนึ่ง แต่นัยยะครั้งนี้ก็คือ ว่าเป็นความหมายที่ทำให้อุตสาหกรรมไอที คอมซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ และรถยนต์ กลายเป็นสภาพดังชื่ออีกครั้ง

เพราะชิป หรือ เซมิคอนดักเตอร์ ผลกระทบมาจากโควิด-19 โดยตรง ที่มีความต้องการในการใช้งานอยู่ช่วงหนึ่งลดน้อยลง กอปรกับในช่วงที่ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ มีการกีดกันทางการค้าเทคโนโลยีจากจีน ของ Huawei กับ ZTE ซึ่ง 2 บริษัท เป็นหัวหอกที่สำคัญในการผลิตชิปที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน สำหรับใช้เป็น 5G ทำให้ผลกระทบต่างๆ เริ่มเข้ามากับผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น

ไม่เพียงเท่านั้น ยังส่งผลกระทบต่อการผลิตในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะทางโซนี่ที่ผลิต PlayStation 5 เรียกได้ว่าขาดแคลนกับการผลิตอย่างสุดๆ เหตุการณ์ชิปหาย ยังไปส่งผลกระทบต่อห่วงโซของการผลิตอุตสาหกรรมรถยนต์ด้วย เพราะเป็นส่วนหนึ่ง

จริงๆ แล้ว ชิปอาจจะไม่ส่งผลกระทบกับการผลิตรถยนต์เท่าไหร่นัก ถ้ามีการตกลงว่า ให้โรงงานที่ผลิตชิปทั้งหลายของรถยนต์ มาผลิตให้กับชิปของอุตสาหกรรมไอทีก่อน แต่บังเอิญว่า อุตสาหกรรมรถยนต์ในช่วงโควิด เกิดฟื้นตัวเร็ว ทำให้ความต้องการกับการใช้ชิปในอุตสาหกรรมรถยนต์เพิ่มสูงขึ้นไปด้วย และทางผู้ผลิตชิปจะเปลี่ยนไปผลิตของอุตสาหกรรมรถยนต์ ค่อนข้างยากไปแล้ว เพราะต้องใช้ระยะเวลาในการเปลี่ยนการผลิตนาน

ผลกระทบจะเป็นอย่างไร

เรียกว่างานนี้กลายเป็นห่วงโซวิกฤต เพราะเป็นส่วนที่สะท้อนถึงอุตสาหกรรมใหญ่ๆ มากมาย และยังมีผู้ผลิตเริ่มกักตุนชิปก่อนจะหายไปจากตลาด แถมยังทำให้สินค้าบางชนิด เริ่มมีราคาที่สูงขึ้น และขาดตลาดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะฮาร์ดดิสก์จากยี่ห้อชื่อดังทั้งหลาย เริ่มบ่นเป็นเสียงเดียวกับต้นทุนที่สูงขึ้น

สมาร์ทโฟน จะเป็นเป้าหมายต่อไปของราคาที่เพิ่มสูงขึ้น อุตสาหกรรมโดยรวมจะเป็นอย่างไร เพราะการผลิตชิป ไม่ใช่จะตั้งกันแค่ไม่กี่วัน แต่ต้องใช้ระยะเวลาและมาตรฐานที่สูงมาก จึงทำให้การผลิตในช่วงระยะเวลาใกล้ๆ ค่อนข้างลำบาก

คำตอบอยู่ที่ระยะเวลา ที่จะช่วยการผลิตชิปมากมายเพียงใด ก่อนที่ “ชิปหาย” จริงๆ