เริ่มบานปลาย วิกฤตชิป (หาย) เริ่มส่งผลกับแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่


นับตั้งแต่ปี 2020 อุตสาหกรรมรถยนต์ได้รับผลกระทบจากการขาดหายไปของเซมิคอนดักเตอร์สำหรับใช้ทำชิปในระบบวงจรไฟฟ้าของรถยนต์ที่ต้องขาดแคลนส่วนประกอบชิ้นนี้ไป โดยบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็น Nissan, Suzuki และ Mitsubishi ต่างออกมาประกาศพวกเขาจะหยุดผลิตรถยนต์ในช่วงเดือนมิถุนายน

เริ่มกันที่ Nissan ที่ประกาศจะหยุดผลิตยานยนต์บนเกาะคิวชู ประเทศญี่ปุ่นในเดือนมิถุนายนวันที่ 24,25 และ 28 นอกจากนี้ยังสั่งหยุดผลิตรถยนต์บางรุ่นของโรงงานในประเทศเม็กซิโก โดยโฆษกของ Nissan กล่าวกับสำนักข่าว Reutersว่าการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกส่งผลกระทบต่อการจัดส่งชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่ง Nissan กำลังปรับการผลิต และดำเนินการเท่าที่จำเป็นจนเป็นที่แน่ใจว่าจะฟื้นตัวกลับมา

ขณะที่ Suzuki จะหยุดดำเนินการผลิตในสายการประกอบโรงงานทั้ง 3 แห่ง เป็นระยะเวลา 3-9 วัน ในภูมิภาคชิซูโอกะ ซึ่งไม่มีการเปิดเผยว่าเป็นที่ใดบ้าง เนื่องจากบริษัทต้องการเก็บเป็นความลับ เช่นเดียวกับ Mitsubishi ที่ลดกำลังการผลิตรถยนต์จำนวน 30,000 คันในเดือนมิถุนายน ทั้ง 5 โรงงานที่อยู่ในญี่ปุ่น, ไทย และอินโดนีเซีย

ปัญหาการขาดแคลนชิปเป็นผลกระทบที่มาจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 นำมาสู่มาตรการล็อกดาวน์ โรงงานหลายแห่งต้องหยุดดำเนินการไป เนื่องจากความล่าช้าของการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ และชิป รวมถึงความต้องการผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ที่มีชิปเป็นส่วนประกอบก็เพิ่มมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะเครื่องเล่นวิดีโอเกม, ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ความบันเทิงภายในบ้าน

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ Elon Musk ยืนยันว่าจะปิดโรงงานเทสลาเป็นการชั่วคราว เพราะว่าขาดแคลนชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

เพราะอะไรเซมิคอนดักเตอร์ถึงมีความสำคัญกับอุตสาหกรรมยานยนต์
ไม่ว่าจะอยู่ในอุตสาหกรรมอะไรก็ตาม เซมิคอนดักเตอร์ คือส่วนประกอบพื้นฐานในอุตสาหกรรมสมัยใหม่ โดยใช้ชิปหลายพันล้านในชิปเดียว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่าเป็นเรื่องยากที่จะผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ตามข้อมูลโดยเฉลี่ยต้องใช้เวลามากกว่า 3 เดือนที่จะสร้างชิปนี้ขึ้นมา และต้องใช้โรงงานขนาดใหญ่ในการผลิตผ่านเครื่องจักรราคาแพง
เมื่อมองถึงรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้า พบว่ามีการใช้เซนเซอร์อยู่หลายร้อยตัว และใช้ชิปควบคุมการทำงาน ดังนั้น หากไม่มีเซมิคอนดักเตอร์ ก็เท่ากับว่าไม่มีชิป จึงไม่สามารถนำมาผลิตยานยนต์รุ่นต่อไปได้

ด้าน Intel บริษัทจากอเมริกามีแผนที่จะทุ่มเงิน 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในโรงงานผลิตชิป 2 แห่งในแอริโซนาที่สร้างขึ้นมาใหม่ รวมถึงมองถึงความเป็นไปได้ที่จะสร้างโรงงานผลิตชิปในยุโรปหากมีเงินทุนมากพอ

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าเซมิคอนดักเตอร์จะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งจนกว่าจะถึงปี 2022 โดยผู้เชี่ยวชาญมองว่าด้วยสถานการณ์ปัจจุบันไม่สามารถดำเนินได้มากนัก เนื่องจากยังประสบปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนผลิตอยู่ ยกเว้นแต่ว่าจะมีการปรับตารางการผลิต และราคาขาย

ที่มา: entrepreneur