จากดราม่าแม่ค้ารายหนึ่งออกมาเผยว่า ตนถูกเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตกลุ่มหนึ่ง วางแผนล่อซื้อน้ำส้ม 500 ขวด ก่อนบุกเข้าตรวจพร้อมถามหาใบอนุญาตขายน้ำส้ม และเรียกเก็บเงินค่าปรับเป็นเงิน 12,000 บาท ซึ่งต่อมา อธิบดีกรมสรรพสามิต สั่งตรวจสอบเหตุเจ้าหน้าที่กลุ่มดังกล่าวแล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ (17 มิ.ย.64) นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ตนได้สั่งย้ายเจ้าหน้าที่ที่ปรากฏเป็นข่าวรวม 3 คน ออกนอกพื้นที่เกิดเหตุในกรุงเทพฯ เป็นที่เรียบร้อย แต่ชี้แจงว่าไม่ได้มีการเรียกเงินค่าปรับจำนวน 12,000 บาทตามที่เป็นข่าว แต่ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นการด่วน เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และให้ได้ข้อเท็จจริงเป็นที่กระจ่างแก่สังคม
“ขอยืนยันกรมสรรพสามิต ไม่มีนโยบายให้เจ้าหน้าที่ออกรังแกประชาชนไปล่อซื้อในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดเช่นนี้เป็นอันขาด” อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวย้ำ
นายลวรณ กล่าวอีกว่า ทางกรมฯได้รับแจ้งจากผู้ผลิตน้ำส้มแบบค้าส่งรายอื่น ว่าผู้ค้าน้ำส้มรายนี้ ไม่ได้เสียภาษีสรรพสามิต จึงแจ้งมายังเจ้าหน้าที่ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ โดยขอให้ทำตามกฎระเบียบที่ถูกต้อง โดยไม่ได้มีการเรียกค่าปรับแต่อย่างใด
ด้านโฆษกกรมสรรพสามิต ชี้แจงเพิ่มเติมว่า กรณีล่อซื้อน้ำส้มเป็นข้าราชการกรมสรรพสามิตจริงพื้นที่กรุงเทพมหานคร 5 ฝ่ายตรวจสอบป้องกันและปราบปราม แต่ไม่ได้เรียกค่าปรับเงิน 12,000 บาท เพราะการจะปรับต้องมีเงินส่งคลังเป็นรายได้ของแผ่นดิน หากปรับจริงหรือเรียกรับเงินตามที่แม่ค้ากล่าวอ้าง ให้นำหลักฐานมาโชว์ กรณีนี้เป็นแค่การประเมินคร่าว ๆ ให้ทางร้านฟัง ซึ่งอาจเป็นเรื่องไม่ถูกเท่าไร แต่ยืนยันว่าแค่อธิบายให้ฟังไม่ได้ปรับ หลักเกณฑ์ไม่ได้อยู่ที่ร้านเล็กร้านใหญ่ อยู่ที่วิธีการผลิต ถ้าทำเอง ดื่มเอง ขายเองที่ร้าน 10 ขวด 20 ขวด หรือขายตามตลาดทั่วไปจำนวนน้อยๆ นั้นไม่ต้องเสียภาษี แต่ถ้าผลิตเพื่อจำหน่ายในแง่อุตสาหกรรม มีการปิดผนึก ติดฉลากส่งไปขายตามสถานที่ต่าง ๆ เข้าข่ายเป็นโรงงานอุตสาหกรรมต้องเสียภาษีสรรพสามิต
ส่วนที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมเจ้าหน้าที่ต้องสั่งให้แม่ค้าผลิตเยอะถึง 500 ขวดแล้วไปล่อซื้อ โฆษกกรม สรรพสามิต กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ชุดที่ไปล่อซื้อเขาต้องการทราบว่า ร้านนี้เข้าข่ายเป็นโรงงานอุตสาหกรรมหรือไม่ หากไม่ทำแบบนี้ ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าร้านดังกล่าวเปิดผลิตน้ำส้มบรรจุขวดแบบไหน
“การดำเนินการดังกล่าว อาจจะขัดกับความรู้สึกของประชาชนในช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิด-19 จึงได้สั่งการให้การปราบปรามของเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการในลักษณะถ้อยทีถ้อยอาศัย ซึ่งเป็นนโยบายของตนมาตั้งแต่เกิดการระบาดโควิด-19 แล้ว” อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวในท้ายสุด