รู้จัก “ฉลากเขียว” เครื่องหมายช่วยสะท้อนความยั่งยืนของแบรนด์ต่อสิ่งแวดล้อม
ฉลากเขียวของประเทศไทย ริเริ่มขึ้นโดยองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Thailand Business Council for Sustainable Development, TBCSD)
อันดับที่5 สายพันธุ์ เลิฟเชน
เป็นสายพันธุ์หายาก ที่ลักษณะขนยาว นิสัยร่าเริง และเคยถูกบันทึกว่าสายพันธุ์นี้มีเพียง 40 ตัวเท่านั้น
โดยราคาขายในท้องตลาดนั้นอยู่ที่160,000-240,000 บาท
อันดับที่ 4ร็อตไวเลอร์
ถึงจะเป็นสุนัขที่ได้รับยกย่องในเรื่อง การอารักขา หากมีการฝึกให้ต่อสู้ หรือโจมตี ก็จะมีความดุร้ายและน่ากลัวเอาทีเดียว เป็นสายพันธุ์ที่เก่าแก่ตั้งแต่สมัยโรมัน ในอดีตถูกลเยงไว้เพื่อปกป้องทหารโรมันที่ต้องเดินทางผ่านเทือกเขา ส่วนราคาค่าตัวนั้นอยู่ที่ 86,000-284,000บาท
อันดับที่ 3 ซามอยส์
ซามอยด์เป็นสุนัขที่มีสายพันธุ์เก่าแก่ที่สืบเชื้อสายมาจากหมาป่า ซึ่งในอดีตชาวซามอยพัฒนาสุนัขสายพันธุ์เพื่อเลี้ยงไว้ต้อนกวางเรนเดียร์และลากเลื่อน มีจุดเด่นที่ขนสีขาวบริสุทธิ์ตลอดทั้งตัว แต่หากใครจะซื้อหามาเลี้ยงบอกเลยว่าไม่ง่าย เพราะมีราคาสูงประมาณ 144,000–362,000 บาทเลยทีเดียว
อันดับที่ 2 อาคิตะ
เจ้าสุนัขสายพันธุ์ญี่ปุ่นพันธุ์นี้ถือเป็นสุนัขที่มีความจงรักภักดีต่อเจ้านายมากจนได้รับการขนานนามจากทั่วโลกว่า “The Loyal Friend from the land of the Rising Sun” หรือ “เพื่อนผู้ซื่อสัตย์จากแดนอาทิตย์อุทัย” ในอดีตถูกเลี้ยงไว้อารักขาโชกุนและใช้งานเป็นสุนัขล่าสัตว์ ที่ครึ่งหนึ่งเคยเกือบสูญพันธุ์ไปในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะเกิดวิกฤตการขาดแคลนอาหารอย่างหนัก จนทำให้สุนัขล้มตายเป็นจำนวนมาก ซึ่งตอนนี้ราคาประมาณ 160,000 บาท
อันดับที่1ทิเบตัน มาสทิฟฟ์
สุนัขสายพันธุ์นี้ต้องบอกเลยว่า เป็นสุนัขขนาดใหญ่ที่มีต้นกำเนิดมาจากทิเบต ประเทศจีน และถือเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านเอาไว้ใช้เฝ้าฝูงแกะและจามรีบนภูเขา ซึ่งที่ทำให้หลายคนรักสุนัขพันธุ์นี้ก็คือ ความซื่อสัตย์ รักเจ้าของและคนในครอบครัว แต่จะดุร้ายเมื่อเจอคนแปลกหน้า ซึ่งแน่นอนว่าสุนัขที่มีดีขนาดนี้จึงทำให้มีค่าตัวสูงถึง ประมาณ 57 ล้านบาท พร้อมทั้งได้อันดับ 1 ของสุนัขที่แพงที่สุดในโลกไปครอง