“กล้วยใบด่าง” ฟีเวอร์ แพงลิ่ว มูลค่ายิ่งกว่าทอง

“กล้วยใบด่าง” เริ่มต้นจากปี 2563 ดาราสาว “ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์” ซึ่งมีผู้ติดตามใน Instagram10.9 ล้านคน ได้ถ่ายรูปคู่กับต้นกล้วยด่าง ที่ซื้อมาเป็นไม้ฟอกอากาศ และตามมาด้วยดารา และคนมีชื่อเสียงต่าง ๆ มีการสะสม ประมูลซื้อขาย “กล้วยใบด่าง”ในราคาเป็นหมื่นเป็นแสน จนกลายเป็นความยอดนิยมของคนรักต้นไม้ใบ และสร้างความคึกคักให้กับชาวสวนต่างหันมาปลูกต้น “กล้วยใบด่าง” มีทั้งพันธุ์นำเข้า พันธุ์พื้นบ้าน และพันธุ์กล้วยป่า

 

คุณสุภาวิดา บูลสุวรรณ ให้สัมภาษณ์กับ Smart SME ว่า ก่อนหน้านี้ตนทำมันสำปะหลัง แต่ไม่สามารถส่งออกได้ เห็นว่าตอนนี้กล้วยใบด่างกำลังอยู่ในความสนใจและมีราคา จึงได้เปลี่ยนมาขายกล้วยใบด่าง 2 เดือน ทำรายได้ 3 ล้านบาท

 

สำหรับราคาซื้อขายกล้วยด่าง การให้ราคาส่วนหลักอยู่ที่ความพึงพอใจของผู้ซื้อผู้ขายเป็นสำคัญซึ่งปัจจุบันนี้มีคนที่ต้องการซื้อไปปลูกต่อยอด ดังนั้นลูกค้าพวกนี้จะดูที่ความสมบูรณ์ของหน่อและต้น และลวดลายประกอบกัน ถึงแม้ว่าวิธีขยายพันธุ์ของกล้วยนั้นง่ายด้วยการชำหน่อ แต่การขยายพันธุ์กล้วยด่างที่นิยมในช่วงหลายปีนี้คือการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของตลาด

 

ส่วนพันธุ์กล้วยด่างที่ราคาสูงและเป็นยอดนิยมในขณะนี้คือ ฟลอริดา ราคาขั้นต่ำ 150,000 บาท ,แดงอินโดขั้นต่ำ 100,000 บาท เพราะเป็นพันธุ์จากต่างประเทศ ส่วนพันธุ์พื้นบ้านที่ได้ความยอดนิยม เช่น น้ำว้า,น้ำว้าค่อม,น้ำว้าปากช่อง 50,มะลิอ่อง ถ้าหากทรงของต้นสวยงาม ใบด่างสวยเป็นเอกลักษณ์ ก็สามารถขายได้ในหลักแสน นอกจากนี้หากเป็นตัวหน่อแม่ที่สามารถไปต่อยอดขยายพันธุ์ และสร้างราคาต่อได้ จะมีราคามากกว่าแสนทุกต้น แต่ต้องเป็นต้นที่สมบูรณ์แข็งแรง

 

คุณสุภาวิดาเล่าว่า “ก่อนหน้านี้หน่อกล้วยพวกนี้ราคา 100 บาท ยังไม่ค่อยมีคนซื้อ และบางคนก็ไม่เชื่อว่าราคาจะพุ่งขึ้นเป็นหลักแสน แต่พอคนส่วนหนึ่งสนใจเอาไปประดับบ้าน ราคาพวกนี้ก็พุ่งขึ้น ราคาที่จ่ายกันแล้วแต่ความนิยมและความพึงพอใจ ชาวสวนที่ขาย ส่วนใหญ่ได้จากสวนใหญ่ไปขนเป็นคันรถใหญ่ ๆ มาถึงถ่ายรูปโพสต์ขึ้นเฟซบุ๊ก ตลาดนัดกล้วยด่าง หรือ คนรักกล้วยด่าง ไม่กี่ชั่วโมง คนก็มาสั่งซื้อแล้ว”

 

ส่วนเรื่องความนิยมนั้น เชื่อว่ายังสามารถอยู่ในความสนใจอย่างน้อย 3 ปี กระแสยังไม่ตกในเร็ว ๆ นี้ เพราะนอกจากคนไทยจะให้ความสนใจแล้ว กระแสในต่างประเทศก็หนุนด้วย มีการแข่งประมูลกันในเว็บไซต์ต่างประเทศ ยิ่งทำให้ราคาพุ่งทะยานขึ้นสูงไปอีก