นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สั่งการให้กรมฯ เร่งเดินหน้าอำนวยความสะดวกทางการค้าและขับเคลื่อนการส่งออกสินค้า ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยนำรายได้เข้าประเทศในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กรมฯ จึงได้เดินหน้า 7 มาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบให้แก่ผู้ประกอบการและปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลในการลดการเดินทางที่ไม่จำเป็นและการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ดังนี้
.
1. ขยายเวลาวันหมดอายุสำหรับบัตรประจำตัวผู้ส่งออก-นำเข้าสินค้า และบัตรประจำตัวผู้รับมอบอำนาจที่จะหมดอายุในช่วงระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม – 31 ธันวาคม 2564 ออกไปอีก 5 เดือนโดยอัตโนมัติ ในส่วนของกรณีจำเป็นต้องจัดทำบัตรประจำตัวผู้ส่งออก-นำเข้าสินค้า และบัตรประจำตัวผู้รับมอบอำนาจใหม่ ผู้ประกอบการสามารถยื่นคำขอพร้อมส่งเอกสารทางไปรษณีย์ และกรมฯ จะจัดส่งบัตรให้ผู้ประกอบการทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมายังกรมฯ
.
2. อนุญาตให้ผู้ประกอบการส่งคำขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้ส่งออก-นำเข้าสินค้าที่มีมาตรการควบคุมการส่งออก-นำเข้าผ่านทางไปรษณีย์ พร้อมสามารถตรวจสอบผลการพิจารณาและเลขทะเบียนผ่านระบบลงทะเบียนผู้ประกอบการออนไลน์ของกรมฯ (Registration Database) ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
.
3. เชิญชวนให้ผู้ประกอบการเลือกใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ (e-Form D) หรือการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง (ASEAN Wide Self Certification: AWSC) สำหรับการส่งออกไปยังประเทศสมาชิกอาเซียน แทนการใช้หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าแบบกระดาษ
.
4. ผลักดันการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยระบบการลงลายมือชื่อและตราประทับอิเล็กทรอนิกส์ (ESS) ซึ่งสะดวกและรวดเร็ว เนื่องจากเป็นการลดขั้นตอน ลดระยเวลา และลดการสัมผัสกระดาษ
.
5. เพิ่มการให้บริการออกหนังสือสำคัญการส่งออก-นำเข้าสินค้าแบบไร้เอกสาร (Paperless) โดยการเชื่อมโยงข้อมูลกับกรมศุลกากรผ่านระบบ National Single Window (NSW) ส่งผลให้ผู้ประกอบการไม่ต้องนำเอกสารแบบกระดาษไปประกอบพิธีการทางศุลกากร
.
6. อนุญาตให้ผู้ประกอบการใช้แบบฟอร์มรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองตามที่กรมฯ กำหนดมายื่นประกอบการขอรับหนังสือรับรองแสดงการได้สิทธิชำระภาษีตามพันธกรณีตามความตกลงการเกษตรภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) ในช่วงระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม – 31 ธันวาคม 2564 กรณีที่ผู้ประกอบการไม่สามารถนำ C/O จากประเทศต้นทางมาแสดงได้เนื่องจากประเทศต้นทาง Lockdown
.
7. รับชำระเงินผ่านการสแกน QR Code หรือ การโอนเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (e – Payment)
.
นายกีรติฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการทั้งหมดจะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยยังคงสามารถส่งออก-นำเข้าสินค้าได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และไร้อุปสรรค นอกจากนี้ กรมฯ ยังมีมาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของ โรคโควิด-19 โดยได้สนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ของกรมการค้าต่างประเทศได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อและการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมทั้งจัดทำระบบ Timeline a Day Report เพื่อให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของกรมฯ เข้าไปกรอกข้อมูลการเดินทางและกิจกรรมที่ได้ดำเนินการในแต่ละวัน เช่น สถานที่ที่ไปทำกิจกรรม ช่วงเวลา และรูปแบบการเดินทาง เป็นต้น เพื่อให้กรมฯ สามารถเฝ้าติดตามได้กรณีหากผู้บริหารหรือเจ้าหน้าที่ของกรมฯ ได้ไป สัมผัสผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องมือสนับสนุนที่ดีอย่างยิ่งในการช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ประกอบการว่า กรมฯ ได้เฝ้าระวังและห่วงใย รวมถึงคำนึงความปลอดภัยอย่างเต็มที่ต่อการให้บริการที่เป็นเลิศแก่ผู้ประกอบการ
.
ผู้ประกอบการสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักบริการ การค้าต่างประเทศ โทร 0 2547 4830 และ 0 2547 4838 (ประเด็นหนังสือสำคัญการส่งออก-นำเข้าสินค้า การใช้ e-Form D และระบบ ESS) และโทร 0 2547 4829 และ 0 2547 4837 (การทำบัตรประจำตัวผู้ส่งออก-นำเข้าสินค้า และขึ้นทะเบียนเป็นผู้ส่งออก-นำเข้าสินค้า) หรือ เว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ www.dft.go.th และสายด่วนกรมการค้าต่างประเทศ 1385
.