“ไฟเซอร์” 1.5 ล้านโดส บริจาคโดยสหรัฐฯ เดินทางถึงไทยแล้ว !! พร้อมแผนการจัดการวัคซีนว่าจะไปไหนต่อ ใครจะได้บ้าง


เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 64 สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา โพสต์ภาพพร้อมข้อมความผ่าน U.S. Embassy Bangkok ระบุว่าวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดสที่บริจาคโดยสหรัฐฯ เดินทางถึงไทยแล้ว

.

.

.

.

.

.

อยู่ระหว่างการประสานเพื่อเพิ่มจำนวนวัคซีนตามมาอีกครั้ง

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา พันโทหญิง ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ เชื้อสายไทย เปิดเผยผ่านงานเสวนาออนไลน์ภายใต้หัวข้อ “U.S. and Thailand Perspectives on Geostrategic Landscape and Regional Architecture” จัดโดยสถาบัน East-West Center ในกรุงวอชิงตันและสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ว่า มีเป้าหมายที่จะบริจาควัคซีนโควิด-19 ให้กับไทย รวม 2.5 ล้านโดส โดยยังไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้ สถานเอกอัครทูต ณ กรุงวอร์ชิงตัน อยู่ระหว่างการติดตามพัฒนาการเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด

.

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับรายงานการมาถึงของวัคซีนไฟเซอร์ 1.54 ล้านโดสแล้ว โดยนายกฯ ได้ขอบคุณในไมตรีที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกามีต่อประเทศไทยเสมอมา โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์โรคระบาดนี้ และนายกฯ ได้เน้นย้ำว่าการกระจายวัคซีนจะต้องเป็นไปตามแผนที่กำหนด เน้นการฉีดแก่บุคลากรการแพทย์ด่านหน้าและกลุ่มเป้าหมายเท่านั้น จะต้องไม่มีกรณีจัดสรรไปยังบุคคลสำคัญ หรือนอกกลุ่มที่กำหนดไว้เป็นอันขาด

.

สำหรับแผนกระจายวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส

กระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินการจัดสรรไปยังกลุ่มเป้าหมายเป็นไปตามมติที่ประชุมคณะทำงานด้านบริหารจัดการการให้บริการวัคซีนป้องกันโควิด-19 เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2564 ดังนี้

1.) บุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับภารกิจดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วประเทศ (เข็ม 3 กระตุ้นภูมิคุ้มกัน) จำนวน 700,000 โดส

2.) ผู้มีภาวะเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่มีสัญชาติไทย จำนวน 645,000 โดส

– ผู้สูงอายุ

– ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค อายุ 12 ปีขึ้นไป

  • โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง
  • โรคหัวใจและหลอดเลือด
  • โรคไตวายเรื้อรัง
  • โรคหลอดเลือดสมอง
  • โรคอ้วน
  • โรคมะเร็ง
  • โรคเบาหวาน

– หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป

3.) ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย เน้นผู้สูงอายุ และโรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป และผู้เดินทางไปต่างประเทศ ที่จำเป็นต้องรับวัคซีนไฟเซอร์ เช่น นักการทูต นักศึกษา จำนวน 150,000 โดส

4.) ทำการศึกษาวิจัย (ได้รับการอนุมัติโดยคณะกรรมการวิจัยจริยธรรม) จำนวน 5,000 โดส

5.) สำรองส่วนกลางสำหรับตอบโต้การระบาดของเชื้อกลายพันธุ์ จำนวน 40,000 โดส

.