ยูโอบี จับมือกับ สสว. เร่งผลักดันธุรกิจ SMEs สู่ดิจิทัล เตรียมจัดสัมมนาออนไลน์ 31ส.ค.นี้ พร้อมเปิดตัวให้ทดลองใช้ดิจิทัลโซลูชัน ฟรี !!


ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย จับมือกับ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และไมโครซอฟต์ (ประเทศไทย) จัดงานสัมมนาออนไลน์ด้านดิจิทัล เพื่อหวังสนับสนุนและผลักดันผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี (SMEs) กว่า 1,000 ราย พร้อมให้ทดลองใช้ดิจิทัลโซลูชันเพื่อสนับสนุนธุรกิจของตนเองโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อมุ่งหวังสร้างแรงขับเคลื่อนและฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังวิกฤตโควิด-19 ไปพร้อมกัน

.

.

จากผลการสำรวจผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรวม 2,700 รายใน 21 ภาคธุรกิจโดย สสว. พบว่าเอสเอ็มอีสนใจนำเทคโนโลยีมาใช้ปรับปรุงกระบวนการดำเนินงาน

– โดยร้อยละ 84.4 มีแผนที่จะเริ่มดำเนินการในอนาคตอันใกล้

– ซึ่งก็ได้พบว่าร้อยละ 61.4 ของเอสเอ็มอีไทยยังไม่มีช่องทางการขายออนไลน์

– ส่วนอีกร้อยละ 64.1 ยังขาดระบบการรับสั่งสินค้าออนไลน์

– ขณะที่ร้อยละ 20.7 ต้องการมีระบบการทำธุรกรรมออนไลน์มาสนับสนุนธุรกิจ

.

.

สำหรับความร่วมมือครั้งนี้ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย และ สสว. จะจัดงานสัมมนาออนไลน์แนะนำเทคโนโลยีและให้ความรู้ด้านดิจิทัลแก่ผู้ประกอบการที่สนใจในวันที่ 31 สิงหาคม 2564

ซึ่งงานนี้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการ Smart Business Transformation Programme (SBTP) ดำเนินการโดย เดอะ ฟินแล็บ (The FinLab) และธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ที่ช่วยส่งเสริมเอสเอ็มอีให้ปรับองค์กรและธุรกิจสู่โลกดิจิทัล

โดยเอสเอ็มอีที่เข้าร่วมกิจกรรมจะสามารถระบุดิจิทัลโซลูชันที่เหมาะสมกับธุรกิจของตนเอง ที่จะช่วยปรับปรุงกระบวนการดำเนินธุรกิจ สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมถึงขยายฐานลูกค้า

ที่สำคัญผู้ประกอบการยังสามารถลงชื่อขอใช้ดิจิทัลโซลูชันฟรีแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายเป็นระยะเวลาสูงสุดถึง 4 เดือน ประกอบด้วย

Smart Point of Sale (POS) จากไมโครซอฟท์

Zaviago บริการแพลตฟอร์มสำหรับสร้างและจัดการเว็บไซต์

Kollective ซึ่งเป็นโซลูชันสำหรับการทำการตลาดโดยใช้ผู้มีอิทธิพลทางความคิด (influencer)

.

.

ด้าน นางสาวสิรินันท์ จิรดิลก ผู้อำนวยการอาวุโส Digital Engagement & FinTech Innovation ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย เปิดเผยว่า “การปรับเปลี่ยนไปสู่การทำธุรกิจบนแพลตฟอร์มดิจิทัลมีความสำคัญต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเป็นอย่างมากในช่วงที่เกิดภาวะวิกฤตเช่นนี้ โครงการ SBTP ของเราได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่สามารถใช้เครื่องมือดิจิทัลได้ในเชิงรุก นอกจากจะประสบความสำเร็จแล้ว ยังจะสร้างโอกาสทางธุรกิจได้อีกมากมาย สำหรับความร่วมมือกับสสว. และผู้ให้บริการดิจิทัลโซลูชันชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น ไมโครซอฟท์ Zaviago และ Kollective ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทยเปลี่ยนจากการทำธุรกิจแบบเดิม พลิกโฉมไปสู่การทำธุรกิจบนแพลตฟอร์มดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

.

.

ขณะที่อีกฝากก็มีความเห็นจาก นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ซึ่งได้กล่าวว่า “ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 34.2 ของ GDP ประเทศไทย ถือเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ผลจากการระบาดของเชื้อโควิด-19 ในปัจจุบัน ทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต้องประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจอย่างมาก เพื่อให้ SME สามารถดำรงธุรกิจอยู่ได้และเพื่อการเติบโตต่อไปในอนาคต ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับกระบวนการทำธุรกิจมาอยู่บนแพลตฟอร์มดิจิทัล อีกทั้งยังต้องการใช้ดิจิทัลโซลูชันที่ตรงเป้าหมาย ใช้งานได้เห็นผลจริง และนำไปใช้งานได้ง่าย ซึ่ง สสว.ได้กำหนดนโยบายที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยให้สามารถนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อขยายธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยเฉพาะในกลุ่มสาขาธุรกิจภาคบริการรายย่อย เช่น ร้านค้า ร้านอาหารขนาดเล็ก ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เราจึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ซึ่งเป็นพันธมิตรที่มีแนวคิดเดียวกัน มาช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาและสนับสนุนการเติบโตของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในประเทศไทย”

.

.

ปิดท้ายกันด้วยความเห็นของ นายภักดี อัญญะกมล รองกรรมการผู้จัดการ ประสานงานกลุ่มลูกค้าองค์กรและกิจการขนาดกลางและขนาดย่อม บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ได้ให้ทิศทางตลาดดิจิทัลไว้อย่างน่าสนใจว่า “จากการที่เราคลุกคลีกับลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมานาน ทั้งยังได้เข้าไปช่วยเหลือองค์กรมากมายที่ต้องการก้าวข้ามความท้าทายในช่วงวิกฤตนี้ด้วยเทคโนโลยี เราขอขอบคุณทางยูโอบี ประเทศไทย และ สสว. ที่เปิดโอกาสให้ไมโครซอฟท์ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือนี้ เราตระหนักดีว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต้องเผชิญความท้าทายเป็นอย่างมาก เราจึงได้นำ โซลูชันต่างๆ เข้ามาช่วยเหลือ เช่น Microsoft Smart POS แอปพลิเคชันบันทึกการขายที่ทำงานในรูปแบบของบริการบนคลาวด์”

.

อย่างไรก็ตาม “Smart POS มีต้นทุนที่ถูกกว่าระบบบันทึกการขายแบบเดิมมาก ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 150 บาทต่อเดือน และยังมีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ของธุรกิจ ทั้งการสรุปยอดขายและส่งรายงานเป็น Excel แสดงยอดขายทุกรายการ ไปจนถึงการสร้างเว็บไซต์ และเครื่องมือการตลาดด้านการใช้ไมโครอินฟลูเอนเซอร์ นี่เป็นเพียงหนึ่งในโซลูชันที่น่าสนใจจากไมโครซอฟท์และพันธมิตร เราหวังว่าในอนาคต เทคโนโลยีของเราจะช่วยให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าและต่อยอดการพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง”

สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่สนใจเข้าร่วมสัมมนาออนไลน์ในครั้งนี้

สามารถสมัครผ่านลิ้งค์ https://bit.ly/2VmJYqj ได้ภายในวันที่ 30 สิงหาคม 2564

และสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ SBTP ได้ที่ www.thefinlab.com/Thailand 

.