เมื่อคนไม่ได้ออกจากบ้าน สิ่งหนึ่งที่ช่วยคลายความเหงาได้ก็คือ การเลี้ยงสัตว์ ซึ่งในต่างประเทศพบว่า อัตราการเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้นมากกว่า 10-15 เปอร์เซ็นต์
ด้วยอัตราของการเลี้ยงสัตว์ที่เพิ่มขึ้น สิ่งที่ตามมาด้วยก็คือ อัตราของธุรกิจอาหารสัตว์ก็เติบโตตาม โดยเฉพาะธุรกิจอาหารสัตว์แบบพรีเมี่ยม ที่มีการเต็มแต่งสารอาหารเข้าไปเพื่อบำรุง กลายเป็นสิ่งที่ผู้เลี้ยงทั้งหลาย เลือกซื้ออาหารใหม่ๆ ให้กับ น้องๆ หรือลูกๆ ตามที่แต่ละท่านจะเลี้ยง
เราไปรู้จักอาหารสัตว์กันก่อนดีกว่า อาหารสัตว์ปัจจุบันแบ่งออกเป็น 4 ประเภท โดยแต่ละประเภทก็มีกลุ่มที่ต้องการแตกต่างกันไป ประกอบด้วย
1. อาหารสัตว์แบบแห้ง อันนี้เหมาะกับการเก็บไว้ที่บ้านหรือสถานที่เลี้ยง เพราะแต่ละอันจะมีอายุประมาณ 12 เดือนขึ้นไป จะเป็นในรูปแบบอัดเม็ด หรือชิ้น หรือผง ขึ้นกับความต้องการของสัตว์
2. อาหารสัตว์รูปแบบเปียก จะเป็นอาหารที่อยู่ในภาชนะ พร้อมทาน มีอัตราของเหลว 72-81%
3. อาหารสัตว์แบบกินเล่น อันนี้ค่อนข้างเห็นเยอะ ไม่ว่าจะเป็นคุกกี้ของสัตว์ ใช้สำหรับหลอกล่อทำกิจกรรมได้เป็นอย่างดี
4. อาหารสัตว์พิเศษ สำหรับใช้ควบคุมลักษณะของสัตว์บางประเภท เช่น ลดน้ำหนัก หรือเป็นโรคบางอย่างที่ต้องการอาหารเฉพาะขึ้นมา
เมื่อถามว่า โอกาสของสินค้าอาหารสัตว์ทั้งในภายในและต่างประเภท จะเป็นอย่างไร ต้องถือว่าหลังจากช่วงโควิดที่ผ่านมา อัตราการเติบโตทั้งกลุ่มใช้ในประเทศ และต่างประเทศ เติบโตไม่ต่ำกว่า 6% โดยเฉพาะในแถบยุโรปและอเมริกาที่มีอัตราการเลี้ยงสัตว์สูงมาก
โดยเฉพาะอาหารสัตว์พรีเมี่ยมที่กลายเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตสูง หนึ่งในนั้นก็คือ ธุรกิจอาหารสัตว์แบบ Fine Dining เป็นส่วนที่มีการเติบโตในระดับบนที่มีอัตราการจ่ายเงินต่อมื้อให้กับสัตว์เลี้ยง
นอกจากนี้ของไทยก็คาดการณ์ว่าจะเติบโตมากกว่า 40% ในทุกกลุ่มของธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์ เพราะไม่ได้จบแค่อาหาร ธุรกิจของเลี้ยง เครื่องใช้ต่าง ๆ รวมทั้งการรักษา ก็เป็นธุรกิจที่ต่อเนื่องและเติบโตเช่นเดียวกัน
SMEs ก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ธุรกิจของอาหารสัตว์เติบโตได้เช่นเดียวกัน เพราะช่องทางการตลาดของธุรกิจนี้ น่าจะเติบโตอีกมาก โดยเฉพาะ Plant Base ของอาหารสัตว์ และ Fine Dining ของไทย ที่กำลังเติบโตสูงมากเช่นเดียวกัน
