เทคโนโลยีใหม่ “กลั่นน้ำมัน” เมืองไทย จะช่วยลดก๊าซเรือนกระจก


ต้นเดือนสิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา ในโลกออนไลน์สำหรับบ้านเรามีวงเสวนาชิ้นหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับพลังงานของประเทศโดยเฉพาะกับอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมัน ที่เกี่ยวข้องกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือโลกร้อน ที่ผลกระทบเชื่อมโยงระหว่างกัน

 

สถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย หรือ PTIT เป็นเจ้าภาพในการจัดเวทีสัมนาออนไลน์ที่ใช้ชื่อประเด็นว่า “Sustainable Refinery Trend and Technology” เป้าหมายคือเพื่อระดมความคิดเห็น องค์ความรู้ และประสบการณ์ร่วมกัน เพื่อการตื่นรู้และพร้อมนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเพื่อแก้ปัญหาสภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงในกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมัน ซึ่งเจตนารมย์ร่วมกันคือการมุ่งใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพในการลดการปล่อยมลพิษและลดการใช้พลังงานในกระบวนการผลิต เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามแก้ปัญหาโลกร้อน

 

เช็ครายชื่อหน่วยงานที่เข้าร่วมวงเสวนา มันสะท้อนได้ว่าทิศทางการช่วยโลกของเรา ช่วยสิ่งแวดล้อมของเรา ผ่านกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมัน มันก็เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ สำหรับการใช้พลังงานในการพัฒนาประเทศ สังคม เศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ของคนไทย ควบคู่ไปกับการรักษ์สิ่งแวดล้อม และลดผลกระทบต่อโลกของเราให้น้อยที่สุด เพื่อไม่ให้โลกมันร้อนไปมากกว่านี้

 

วงสัมมนาออนไลน์ เปิดฟลอร์โดย นายวิชาญ ตั้งเคียงศิริสิน ผู้อำนวยการฝ่ายขายภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ที่ฉายภาพสถานการณ์ปัจจุบัน ว่า ทั่วโลกตื่นตัวต่อปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศจากภาวะโลกร้อน หรือ Climate Change โดยหลายประเทศตั้งเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutral) หวังลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ (net zero emissions) ภายในปี ค.ศ. 2050 เพื่อผลักดันเป้าหมายการรักษาระดับอุณหภูมิเฉลี่ยโลกให้สูงขึ้นไม่เกิน 2 องศาเซลเซียสตามความตกลงปารีสให้เป็นผลสำเร็จ

 

นอกจากนี้ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเกี่ยวข้องกับการใช้พลังงาน ทิศทางของโลกจึงมุ่งเน้นไปยังการพัฒนาพลังงานสะอาดและลดการใช้พลังงานลง อย่างไรก็ตาม เรายังไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้พลังงานจากฟอสซิลได้ในขณะนี้ ดังนั้น ทางออก คือ “ทำอย่างไรให้เกิดการใช้อย่างมีประสิทธิภาพและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงด้วย

 

นายวิชาญ สะท้อนมุมมองและทำให้เห็นภาพถึงแนวโน้มที่สำคัญ ของอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมัน ซึ่งเขาจำแนกออกมา 6 ข้อด้วยกันที่รับกับสถานการณ์ปัจจุบันของโลก ประกอบด้วย

 

1.มีการปรับปรุงเพิ่มอัตราการใช้งานของเครื่องจักรการกลั่นน้ำมันของโรงกลั่นเพื่อแก้ปัญหาข้อจำกัดในการผลิต

2.แหล่งน้ำมันดิบที่มีคุณภาพมีจำนวนลดลง จึงต้องหันมาใช้น้ำมันดิบจากแหล่งที่มีปริมาณกำมะถันเจือปนมากขึ้น

3.ปัจจุบันมีการออกมาตรการเข้มงวดมากขึ้นในกำหนดค่าปริมาณกำมะถัน ในผลิตภัณฑ์น้ำมันชนิดต่างๆ เช่น ข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์น้ำมันสำหรับเรือเดินสมุทรที่กำหนดโดย International Maritime Organization (IMO)

 

4.การกำหนดมาตรฐานปริมาณการปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์และอนุพันธ์ของก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์เข้มงวดขึ้น

5.มีการตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทั้งคาร์บอนไดออกไซด์และซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เพื่อบรรลุเป้าหมายความยั่งยืน

6.การลดการใช้พลังงาน ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

“ดังนั้น สิ่งที่โรงกลั่นน้ำมันต้องการในปัจจุบัน คือ เทคโนโลยีที่จะมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ โดยลดการใช้พลังงานลงให้ได้มากที่สุด ลดความจำเป็นในการหยุดเดินเครื่องนอกแผน ลดปัญหาเช่นการการกัดกร่อน ซึ่งจะช่วยยืดอายุการทำงานของโรงกลั่นและลดระยะเวลาการซ่อมบำรุงให้น้อยลง โดยที่ไม่ต้องเพิ่มเม็ดเงินในการลงทุนเพิ่มเติมเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันต้องช่วยดักจับก๊าซต่างๆ จากกระบวนการผลิต เพื่อลดการปล่อยมลพิษออกสู่สิ่งแวดล้อม”

 

เพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าวของกลุ่มโรงกลั่น ดาว จึงได้คิดค้นสาร UCARSOL (ยูคาซอล) ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุด เพื่อดักจับก๊าซพิษที่ถูกปล่อยออกจากโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เช่น โรงกลั่นน้ำมัน โรงแยกก๊าซธรรมชาติ โรงไฟฟ้า และโรงงานปุ๋ย เพื่อแก้ปัญหาที่เหมาะสมในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของโรงกลั่น ลดการปล่อยก๊าซที่เป็นมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม และยังช่วยลดการใช้พลังงานในระบบการผลิต

 

นาย Chee Pin San หัวหน้าฝ่ายเทคนิคส่วนพลังงานประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค และ นายวิชัย ศรีประเสริฐการค้า ผู้จัดการฝ่ายดูแลลูกค้าของส่วนธุรกิจ ดาว อินดัสเทรียล โซลูชั่น กล่าวว่า ปัจจุบันมี 1,500 องค์กรทั่วโลกที่เลือกใช้สาร UCARSOL ของกลุ่มบริษัท ดาว โดยมีโรงกลั่นกว่า 380 โรงที่ใช้สาร UCARSOL อยู่ และในเอเชียมีโรงกลั่นน้ำมันและโรงแยกก๊าซธรรมชาติกว่า 80 แห่ง ใช้ UCARSOL อยู่ด้วย

 

โดยสาร UCARSOL นี้จะช่วยลดการปล่อยก๊าซที่เป็นพิษกับสิ่งแวดล้อมและยังช่วยลดการกัดกร่อนในระบบของอุปกรณ์ รวมถึงก่อให้เกิดการประหยัดพลังงาน โดยกลุ่มบริษัท ดาว มีระบบบริการหลังการขาย Amine Management Program เพื่อเก็บตัวอย่างไปวิเคราะห์ประสิทธิภาพการดำเนินงานหน่วยผลิตที่ใช้สาร UCARSOL รวมถึงให้ความรู้ คำแนะนำ และวิธีแก้ปัญหาให้ด้วย โดยโครงการที่ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวนี้ของกลุ่มบริษัท ดาว เช่น โรงกลั่นน้ำมันในเกาหลีใต้ และโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่น ต่างประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสามารถลดการใช้พลังงานลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

นายณัฐพนธ์ พุ่มวิเศษ, วิศวกรอาวุโส ฝ่ายโรงกลั่น บริษัท IRPC จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า IRPC ได้นำเทคโนโลยี UCARSOL มาใช้เป็นผลสำเร็จ โดยสามารถลดการใช้ไอน้ำในกระบวนการดักจับก๊าซลง ช่วยลดการใช้พลังงาน สามารถประหยัดพลังงงานไอน้ำเป็นมูลค่ากว่า 41.5 ล้านบาทต่อปี และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งโครงการ UCARSOL ดังกล่าว IRPC สามารถทำสำเร็จเป็นอันดับ 4 ของโลกและนับเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย

 

และจากการประสบความสำเร็จทั้งด้านประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม โรงกลั่นน้ำมัน IRPC จึงขยายผลนำเข้าประกวดโครงการ Thailand Energy Award 2020 และได้รับเลือกให้เป็นโครงการตัวแทนจากประเทศไทยไปประกวด Asian Energy Award 2021 ด้วย