นวัตกรรม Magik Growt ถุงห่อผลไม้นอนวูฟเวน ผู้ช่วยเกษตรกรยุคใหม่ เพิ่มผลผลิต สร้างรายได้มหาศาล สอดรับเศรษฐกิจชีวภาพหมุนเวียนสีเขียว


หากพูดถึงทุเรียน เชื่อว่าคงมีหลายคนเริ่มน้ำลายสอกันแล้ว เพราะทุเรียนนับได้ว่าเป็นราชาของผลไม้ไทยเลยก็ว่าได้ แต่ความอร่อยของผลไม้ชนิดนี้ไม่ได้มีดีแค่รสชาติเฉพาะเพียงเท่านั้น เพราะในปัจจุบันผลไม้ชนิดนี้ได้กลายเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศไปเรียบร้อยแล้ว เพราะได้ขึ้นแท่นเป็นผลไม้ส่งออกอันดับสอง เป็นรองเพียงแค่ยางพารา โดยมีมูลค่าการส่งออกทุเรียนสดและแช่แข็งตลอดเดือน มกราคม-พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 58,344 ล้านบาท โดยที่ตลาดจีนก็ยังคงเป็นปลายทางที่ยังคงมีความต้องการผลไม้ชนิดนี้สูงขึ้นเป็นเท่าตัว ยิ่งเป็นตัวบ่งชี้วัดทิศทางตลาดทุเรียนโลกได้เป็นอย่างดี

ดังจะเห็นได้จากผลวิเคราะห์ จากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ที่ระบุว่า ไทยเป็นผู้ส่งออกทุเรียนสดอันดับ 1 ของโลก โดยมีตัวเลขการส่งออกเฉพาะเมื่อเดือนพฤษภาคม 2564 ที่สามารถแตะมูลค่ารายเดือนสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์กว่า 934.9 ล้านดอลลาร์ฯ ขยายตัวร้อยละ 95.3 โดยมีการส่งออกไปจีนที่เป็นตลาดหลัก ในอัตราเติบโตสูงถึงร้อยละ 130.9

แม้ว่าเราจะเห็นตัวเลขทางเศรษฐกิจในภาพรวมไปแล้ว แต่กระนั้น เมื่อย้อนมามองที่ภาคการผลิตฐานราก ยังพบชาวสวนทุเรียนจำนวนมาก ที่ก็ยังประสบปัญหาจากผลผลิตที่ถูกบั้นทอนทั้งจากเรื่องโรคแมลงศัตรูพืชและสัตว์กัดแทะที่ทำลายทุเรียนในระยะพัฒนาผลจนเกิดความเสียหาย ทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่แก้ปัญหาโดยใช้สารเคมียาฆ่าแมลงในการฉีดพ่น ซึ่งนอกจากจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้น ยังเกิดปัญหาสุขภาพตามมา ทำให้ผลผลิตไม่สามารถเข้าสู่ตลาดพืชผักปลอดภัยสารพิษได้ ซึ่งนับเป็นตลาดของคนรักสุขภาพที่ในปัจจุบันมีแนวโน้มสูงมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการขาดโอกาสต่อยอดไปสู่ตลาดใหม่ตามมา

และด้วยปัญหาที่ว่ามานี้ ก็ทำให้เกิดนวัตกรรม Magik Growth หรือ นวัตกรรมถุงห่อผลไม้นอนวูฟเวน ที่ถูกพัฒนาโดยนักวิจัยไทย ซึ่งสามารถช่วยให้ทุเรียนที่ถูกห่อด้วยถุงห่อ Magik Growth สามารถสร้างสารสำคัญในผลไม้ทั้งแป้ง น้ำตาล สารต้านอนุมูลอิสระ ส่งผลให้เพิ่มขนาดผลทุเรียนตลอดจนมีปริมาณเนื้อของทุเรียนเพิ่มขึ้น

.

.

.

.

โดยมีข้อมูลจากการทดสอบเมื่อไม่นานมานี้ พบว่า น้ำหนักผลทุเรียนสดที่ไม่ห่อผล มีน้ำหนักเฉลี่ย 3.56 กิโลกรัม เปรียบเทียบกับการห่อผลด้วยถุง Magik Growth น้ำหนักเฉลี่ย 4.05 กิโลกรัม พบว่าผลที่ไม่ห่อด้วยถุง มีเปลือกหนา 1.36 เซนติเมตร ส่วนผลที่ห่อด้วยถุง Magik Growth มีเปลือกหนาเพียง 1.01 เซนติเมตร และเมื่อวัดสัดส่วนน้ำหนักเปลือก น้ำหนักเนื้อ และน้ำหนักเมล็ด จะได้น้ำหนักในพูทุเรียน เปรียบเทียบการไม่ห่อผล (control) ได้น้ำหนัก 290 กรัม กับการห่อผลด้วยถุง Magik Growth ได้น้ำหนักสูงถึง 379 กรัม ซึ่งนับว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจกับการนำนวัตกรรมถุงห่อผลไม้นอนวูฟเวน มาใช้ห่อทุเรียนแทนการฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชแบบดั่งเดิมที่เกษตรกรใช้กันในอดีต

.

.

.

.

.

ผลงานชิ้นโบว์แดงนี้ถูกคิดค้น พัฒนา และติดตามผลการวิจัยโดยทีมวิจัยเอ็มเทค สวทช. นำโดย ดร.ณัฐภพ สุวรรณเมฆ นักวิจัยทีมวิจัยสิ่งทอ กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีโพลิเมอร์ขั้นสูง ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ ที่นำเอาองค์ความรู้เรื่องวัสดุศาสตร์ โดยการพัฒนาสูตรผสมเม็ดพลาสติก (polymer compound) ร่วมกับเทคโนโลยีการขึ้นรูปนอนวูฟเวน เพื่อให้วัสดุนอนวูฟเวนมีสมบัติให้น้ำและอากาศผ่านเข้าออกได้โดยง่าย รวมถึงมีสมบัติการคัดเลือกช่วงแสงที่เหมาะสมกับเซลล์รับแสงที่ผิวผลไม้

.

.

โดยได้ผลิตเป็นนวัตกรรมวิจัยต้นแบบในชื่อทางการค้าว่า Magik Growth หรือ นวัตกรรมถุงห่อผลไม้นอนวูฟเวน ช่วยให้ทุเรียนที่ถูกห่อด้วยถุงห่อ Magik Growth สามารถสร้างสารสำคัญในผลไม้ทั้งแป้ง น้ำตาล สารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ โดยได้ทดลองทั้งในระดับห้องปฏิบัติการและระดับภาคสนามร่วมกับ ภาควิชาเทคโนโลยีการผลิตพืช คณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในพื้นที่สวนทุเรียน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ตั้งแต่ปี 2562 ถึงปัจจุบัน และมีการจัดเก็บข้อมูลผลวิจัยอย่างเป็นระบบมาโดยตลอด

ถุงห่อทุเรียน Magik Growth นี้สามารถนำมาใช้ซ้ำได้ถึง 3 ฤดูกาลผลิต เป็นการช่วยเกษตรกรประหยัดต้นทุนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากการลดใช้สารเคมีในการกำจัดแมลงศัตรูพืช ซึ่งนับได้ว่า นวัตกรรมถุงห่อทุเรียน Magik Growth สามารถเข้ามาตอบโจทย์ ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ที่สามารถนำวัสดุปัจจัยพื้ฐานในการผลิตวนกลับมาใช้ซ้ำใหม่ให้เป็นประโยชน์ให้มากที่สุด

อีกทั้งยังตอบโจทย์ ระบบเศรษฐกิจสีเขียว ที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหามลพิษเพื่อลดผลกระทบต่อโลก และผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน สำหรับนวัตกรรมถุงห่อทุเรียน Magik Growth ขณะนี้มีบริษัทเอกชนที่ได้รับสิทธิถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเพื่อเตรียมกำหนดวางทิศทางตลาดและจัดจำหน่ายได้ในช่วงปลายปีนี้

สอดรับกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้เติบโตและประชาชนมีรายได้มากขึ้นด้วยการต่อยอดจุดแข็งของประเทศทั้งในด้านความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรม ประกอบด้วย Bioeconomy (ระบบเศรษฐกิจชีวภาพ) สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพยากร Circular Economy (ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน) การนำวัสดุใช้ซ้ำได้กลับมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด และ Green Economy (ระบบเศรษฐกิจสีเขียว) ที่มุ่งเน้นแก้ปัญหามลพิษเพื่อลดผลกระทบต่อโลก โดยอาศัยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม

.

.

โดยมีความเห็นจากทางด้าน ผศ.ดร. ลำแพน ขวัญพูล อาจารย์ประจำภาควิชาเทคโนโลยีการผลิตพืช คณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง คณะทีมวิจัยร่วม ได้กล่าวว่า ทีมวิจัย สจล. ซึ่งมีส่วนในการทดสอบให้กับทีมวิจัยเอ็มเทค สวทช. ภายใต้ โครงการการขยายผลนวัตกรรมถุงห่อผลไม้นอนวูฟเวนเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตชาวสวนทุเรียน ได้นำถุงห่อ Magik Growth จำนวน 4 สี (น้ำเงิน ขาว ดำ และแดง) มาทดสอบห่อทุเรียนที่สวนสไตล์ช๊าลฮิ อ.แกลง จ.ระยอง เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

เปรียบเทียบกับทุเรียนที่ไม่ได้ห่อ และทุเรียนที่ห่อด้วยถุงตาข่ายทางการเกษตรซึ่งเกษตรกรใช้อยู่เดิม เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของถุงห่อ Magik Growth โดยมีการเก็บข้อมูลทั้งความชื้น อุณหภูมิตลอดช่วงการห่อ ผลจากทดสอบต่อเนื่อง 3 ฤดูกาลผลิต

พบว่าถุงห่อทุเรียน Magik Growth สีแดง มีความหนาของเปลือกบางลง 30% ทำให้ได้น้ำหนักรวมผลทุเรียน เพิ่มขึ้น 10% มีความแน่นเนื้อมากขึ้น และสีเนื้อเหลืองขึ้น และการห่อผลด้วยถุง Magik Growth ไม่มีผลต่อการแก่ของผลทุเรียนบนต้น โดยผลที่ห่อมีการสะสมน้ำหนักแห้งเพิ่มขึ้น เมื่อนำมาเก็บรักษาที่อุณหภูมิห้องพบว่า ผลทุเรียนที่ห่อด้วยถุง Magik Growth มีการสุกช้ากว่าผลที่ไม่ได้ห่อประมาณ 2 วัน

.

.

ในขณะที่ทางด้าน นางสาวนวลนภา เจริญรวย เจ้าของสวนทุเรียนสไตล์ช๊าลฮิ (สวนนวลนภา) ผู้ให้ใช้สวนของตนเองเป็นพื้นที่ทดลองวิจัยนวัตกรรมถุงห่อผลไม้ ได้เปิดเผยว่า เริ่มเป็นชาวสวนทุเรียนมือใหม่จากการปลูกทุเรียนตั้งแต่ปี 2554 และได้ผลผลิตครั้งแรกใน 5 ปีถัดมา โดยในสวนมีการปลูกทุเรียนแบบกอ (1 โคก 3 ต้น) เพื่อช่วยในเรื่องของการค้ำยันลำต้นไม่ให้ล้มง่าย ลดปริมาณการไว้ผลต่อต้นลง ทำให้ต้นไม่โทรมหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิต และเน้นการตัดแต่งต้นให้มีทรงพุ่มสูงไม่เกิน 6 เมตร

ทั้งนี้จากประสบการณ์ทำสวนทุเรียนเกือบ 10 ปีทำให้เห็นว่าทุเรียนเป็นพืชที่ต้องอาศัยความใส่ใจดูแลทุกขั้นตอน จึงมีความตั้งใจที่จะลดใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลงจากปัญหาโรคและแมลง โดยเฉพาะทุเรียนระยะพัฒนาผล (อายุเฉลี่ย 65-70 วัน ผลทุเรียนมีขนาดเท่าขวดน้ำอัดลมขนาด 1.5 ลิตร) ซึ่งเป็นระยะที่ผลมีการสะสมแป้งก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลเมื่อผลสุก (เฉลี่ยอายุ 110-120 วัน) โดยระยะพัฒนาผลนี้มักจะถูกหนอนเจาะผลทุเรียน หรือ หนอนรัง เพลี้ยแป้ง และราดำเข้าทำลาย ทำให้ผลทุเรียนเล็กแคระแกร็นไม่เจริญเติบโต คุณภาพของผลทุเรียนไม่เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค

จนกระทั่งช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา ได้ทราบผลทดสอบการใช้นวัตกรรมถุงห่อทุเรียน Magik Growth ในสวนของตนเอง จากทีมนักวิจัย เอ็มเทค สวทช. และอาจารย์จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯ ลาดกระบัง ผลปรากฏว่าถุงห่อทุเรียน Magik Growth นอกจากจะช่วยตอบโจทย์การลดสารเคมี ป้องกันหนอนเจาะผลทุเรียน และเพลี้ยแป้ง ราดำ ได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ผิวผลทุเรียนสวย ผลได้น้ำหนักดีและมีปริมาณเนื้อทุเรียนเพิ่มขึ้นด้วย

.

.

.

พร้อมให้ความเห็นเท้าความถึงอดีต ที่แต่เดิมที ในสวนทุเรียนของตนใช้ถุงตาข่ายทางการเกษตร ห่อทุเรียนเพื่อป้องกันแมลงศัตรูพืชแทนการฉีดพ่นสารเคมีอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งป้องกันหนอนรังได้ แต่ก็ยังประสบปัญหาว่าไม่สามารถป้องกันเพลี้ยแป้ง กับราดำได้ ทำให้ผิวทุเรียนไม่สวย และเกิดความเสียหาย แต่เมื่อเริ่มทดลองใช้ถุงห่อทุเรียน Magik Growth มาได้ระยะหนึ่งแล้ว นอกจากจะช่วยลดต้นทุนจากสารเคมีประมาณ 6 ครั้ง ยังช่วยป้องกันเพลี้ยแป้งและราดำได้ด้วย ทำให้ทุเรียนมีผิวผลสวย ผลเจริญเติบโตได้ดี ผลผลิตมีคุณภาพมาตรฐาน ซึ่งส่งผลถึงความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคที่ได้บริโภคทุเรียนที่ปลอดภัย ปริมาณน้ำหนักผลเพิ่มขึ้นช่วยให้เรามีรายได้เพิ่มขึ้นและลดการใช้สารเคมีส่งผลต่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทำให้สิ่งแวดล้อมในสวนดีขึ้นอย่างถนัดตา ถือเป็นแนวทางในการสร้างความยั่งยืนให้กับชาวสวนทุเรียนยุคใหม่ โดยเฉพาะหากอนาคตมีปัญหาวิกฤติราคาทุเรียนจะทำให้เรายืนหยัดอยู่ได้ จากการต่อยอดเทคโนโลยีเกษตรกรรมนี้

.