DHL Express นำเทรนด์รักษ์โลกเหนือน่านฟ้า หวังลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ เริ่มใช้เครื่องบินไฟฟ้าเพื่อการขนส่งครั้งแรกของโลก


DHL Express เป็นที่รู้จักในฐานะผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรมการบินมานานหลายทศวรรษ หนึ่งในผู้นำด้านการขนส่งด่วนระหว่างประเทศ ได้สร้างประวัติศาสตร์ให้กับอุตสาหกรรมการบินด้วยการประกาศว่า DHL ตั้งเป้าจะเป็นผู้นำในการสร้างเครือข่ายการขนส่งด่วนด้วยเครื่องบินไฟฟ้าและบุกเบิกการบินอย่างยั่งยืน ด้วยเครื่องบิน Alice ของ Eviation ผู้ผลิตเครื่องบินไฟฟ้าระดับโลก ด้วยการชูนวัตกรรม ประสิทธิภาพ และความยั่งยืนเป็นธงชัยในการดำเนินธุรกิจ

.

.

โดยความน่าสนใจของเรื่องนี้คงเป็นเครื่องบินที่ใช้ไฟฟ้าทั้งลำระดับแนวหน้าของโลก ซึ่งจะช่วยให้สายการบินขนส่งสินค้าและผู้โดยสารสามารถปฏิบัติงานได้โดยไม่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก

เครื่องบินไฟฟ้า Alice ขับเคลื่อนได้ด้วยนักบินเพียงคนเดียว สามารถขนของได้ 1,200 กิโลกรัม โดยใช้เวลาชาร์จพลังงาน 30 นาทีหรือน้อยกว่า ต่อการบินหนึ่งชั่วโมง และมีระยะบินไกลสุด 815 กิโลเมตร

Alice จะปฏิบัติการในทุกส่วนแทนที่เครื่องแบบลูกสูบและใบพัดที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มอเตอร์ไฟฟ้าที่ทันสมัยของ Alice มีชิ้นส่วนที่ถอดได้เพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ซึ่งทำให้เครื่องนี้ยิ่งทรงประสิทธิภาพและประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา มาพร้อมซอฟต์แวร์ที่ช่วยตรวจจับประสิทธิภาพการบินเพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องบินกำลังบินด้วยประสิทธิภาพที่ดีที่สุด

เครื่องบินไฟฟ้านี้เหมาะสำหรับลำเลียงสิ่งของและยังใช้เงินลงทุนเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับสถานีน้อยกว่า เครื่องบิน Alice สามารถชาร์จไฟฟ้าขณะแวะโหลดของหรือนำของลงได้ ซึ่งทำให้ลดระยะเวลาในการส่งมอบสินค้าตามตารางเวลาขนส่งที่กำหนดในมาตรฐานของ DHL Express

ด้วยระยะการบินและพื้นที่บรรจุสินค้าสำหรับขนส่งดังที่กล่าวไป การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้นับว่าเป็นโซลูชั่นสำหรับการแก้ปัญหาที่มาพร้อมความยั่งยืนที่ตอบโจทย์เครือข่ายระดับโลก ควบคู่ไปกับการทำตามเป้าหมายของพวกเขา นั่นคือพยายามลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ให้ได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งความก้าวหน้าด้านการบินและเทคโนโลยีเหล่านี้จะยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อลดคาร์บอนให้ได้มากขึ้นในอนาคต นี่คือย่างก้าวสำคัญของมวลมนุษยชาติ เพื่อการเดินทางโดยปราศจากคาร์บอน และยังเป็นความก้าวหน้าสำหรับอุตสาหกรรมการบินโดยรวมด้วย

.

.

จอห์น เพียร์สัน ซีอีโอของ DHL Express กล่าวพูดถึงทิศทางอนาคตและความมุ่งหมายในครั้งนี้ไว้ว่า “เราเชื่อมั่นในอนาคตของโลจิสติกส์ที่ปลอดก๊าซเรือนกระจก ดังนั้น การลงทุนของเราจึงเป็นไปตามเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์เสมอ ในการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์สะอาดนั้น การนำไฟฟ้าเข้ามาใช้ในทุกๆ โหมดการขนส่งถือเป็นหัวใจสำคัญ และจะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้ด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เหลือศูนย์”

.

การลดคาร์บอนในการปฏิบัติงานเป็นหนึ่งในเสาหลักของแผนงานด้านความยั่งยืนฉบับใหม่ที่ DPDHL Group ประกาศใช้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2021 และภายในปี 2030 กลุ่มบริษัทจะลงทุนรวม 7 พันล้านยูโร (ในรูปแบบของเงินทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน) เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

โดยเฉพาะการลงทุนในระบบพลังงานไฟฟ้าสำหรับการขนส่งลาสไมล์ เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน และการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เหลือศูนย์ในปี 2050 

DPDHL Group จะยังคงมุ่งมั่นเพื่อบรรลุเป้าหมายระหว่างช่วงเวลาที่วางไว้ เช่น ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ตามเป้าหมายในปี 2030 ตามความตกลงปารีส ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งขององค์กร Science Based Targets initiative (SBTi) เป็นต้น

จุดเริ่มต้นในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมการบินและสร้างศักราชใหม่ด้วยเครื่องบินไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นการขนส่งสินค้าอย่างยั่งยืน ยุคสมัยของพลังงานไฟฟ้าที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวย่างสำคัญของการพยายามสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับอนาคตการบินโลก ซึ่งทุกการส่งผลในอนาคตล้วนมีที่มาจากการเริ่มต้นสร้างความเปลี่ยนแปลงที่มาพร้อมนวัตกรรมใหม่ๆ ไม่แน่ว่า การขนส่งต่อไป อาจจะทำให้เราสามารถเดินทางได้เร็วขึ้น พร้อมกับการดูแลโลกนี้ให้อยู่กับเราไปอีกนานแสนนาน

.