หลายคนอาจจะได้ทราบแล้วว่า ไม่กี่วันที่ผ่านมา “จีน” หนึ่งในประเทศที่สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตาได้เข้ามาท้าทายเมื่อเดือนกรกฎาคม จากผู้โดยสารที่มาจากกรุงมอสโก รัสเซีย ซึ่งได้เดินทางไปยังเมืองหนานจิง มณฑลเจียงซู และนำพาเชื้อไวรัสมรณะเข้าประเทศ ก่อนแพร่เชื้อต่อให้กลุ่มพนักงานทำความสะอาดเครื่องบิน และแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาไม่กี่สัปดาห์
.
แต่เพียงระยะเวลา ไม่ถึง 2 เดือนเต็ม ถิ่นแดนมังกรแห่งนี้ก็สามารถประกาศให้โลกรับรู้ได้เต็มปากว่า เป็นครั้งแรกที่ไม่พบผู้ติดเชื้อ ในรอบ 1 เดือน ภายหลังเจอเดลตาตัวร้ายเล่นงาน
.
ความสำคัญของเรื่องนี้คงไม่ใช่แค่เพียงไม่พบยอดของผู้ติดเชื้อใหม่ หากแต่มันได้ทำให้รู้ว่า หากคิดเร็ว ทำเร็ว ควบคู่ไปกับมาตรการที่มีประสิทธิภาพ โลกอาจพบทางออกในการจัดการกับเจ้าโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่แพร่หลายอยู่ทั่วทุกมุมโลกขณะนี้
.
และเมื่อการแพร่กระจายของเชื้อสายพันธ์เดลต้าที่เกิดขึ้นทั่วโลก ส่งผลให้วัคซีนลดประสิทธิภาพลง ทำให้หลายประเทศก็เริ่มที่จะหันมามองโมเดลการจัดการโรคระบาดแบบจีนแล้ว โดยปรับฐานคิดใหม่ เป็นการอยู่ร่วมกับไวรัส ให้เปรียบเสมือนมันกำลังจะกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิต มีสิงคโปร์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์เป็นต้น ที่หันมาใช้ยุทธศาสตร์นี้ในการรับมือกับสถานการณ์ระบาดของโรคโควิดตามแนวทางของสูตรจีน
.
.
Zero COVID ยุทธศาสตร์หลักที่จีนใช้เป็นแบบแผนรับมือโรคระบาด
.
และพระเอกของงานนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ยุทธศาสตร์ที่มีชื่อเรียกว่า Zero COVID ที่เป็นไกด์ไลน์ตัวกำหนดทิศทางให้กับผู้ปฏิบัติงานทุกส่วน ได้เห็นภาพเป้าหมายที่ชัด ควบคู่ไปกับการลงมือทำอย่างจริงจัง โดยใช้เป็นแนวทางกำจัดการแพร่ระบาดของโรคโควิดภายในประเทศ ยึดเป้าหมายเพื่อลดผู้ติดเชื้อให้เหลือ 0
สำหรับคัมภีร์ปราบโควิดนี้ มีแนวทางหลักของยุทธศาสตร์ โดยเริ่มไปที่การปิดพรมแดนและจำกัดจำนวนชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศ ตลอดจนกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดในการควบคุมการระบาด เช่น การล็อกดาวน์อย่างจริงจังในพื้นที่เสี่ยงที่พบการระบาด ห้ามประชาชนออกนอกบ้านหากไม่จำเป็น จำกัดการเดินทางระหว่างเมือง เพิ่มการตรวจเชื้อเชิงรุกสำหรับประชาชนจำนวนมาก กักตัวผู้ติดเชื้อทั้งที่ยืนยันแล้วและต้องสงสัย และขยายการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ ตลอดจนเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชน
.
.
แต่สิ่งที่ทางการจีนใช้เป็นเครื่องมือหลัก ที่นับว่าสร้างมาตรฐานไว้สูง คือการระดมตรวจเชื้อเชิงรุกแก่ประชาชนจำนวนมากในระดับสูงแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยมีการตรวจเชื้อไปมากกว่า 100 ล้านครั้ง นับตั้งแต่พบกรณีการระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตาที่เมืองหนานจิง
และในเมืองหยางโจว มณฑลเจียงซู ที่เป็นศูนย์กลางการระบาดรอบล่าสุดนี้ มีการตรวจเชื้อประชาชนแบบหมู่ไปถึง 12 รอบแล้ว รวมการตรวจเชื้อไปแล้วมากกว่า 17.6 ล้านครั้ง ภายในระยะเวลา 20 วัน คาดว่าใช้งบประมาณตรวจเชื้อไปกว่า 3.5 พันล้านหยวน หรือกว่า 17.8 พันล้านบาท ขณะเดียวกันยังขยายการตรวจสอบและติดตามผู้ติดต่อใกล้ชิดกับผู้สัมผัสเชื้อ และกักตัวผู้ติดเชื้อที่ยืนยันแล้วหรือผู้เสี่ยงติดเชื้อ
แม้ว่าสิ่งที่จีนกำลังทำอยู่นี้ อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะหากเราย้อนกลับไปมองช่วงแรกของการแพร่ระบาดเมื่อต้นปี จีนก็ได้แสดงให้โลกเห็นแล้วว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบความสำเร็จในการจัดการโลกระบาดได้อย่างอยู่หมัด หากแต่ว่าจำนวนการตรวจประชากรในพื้นที่เสี่ยงดังที่กล่าวไว้ข้างต้น น่าจะทำให้หลายประเทศฉุกคิดถึงความสำคัญในข้อนี้ได้บ้างไม่มากก็น้อย
.
.
สำทับด้วยการเพิ่มความเข้มงวดในมาตรการควบคุมพรมแดน โดยจำกัดการเดินทางเข้าประเทศของชาวต่างชาติแทบทั้งหมด และสำหรับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศในช่องทางต่างๆ ต้องแสดงเอกสารยืนยันผลตรวจเชื้อเป็นลบ 2 แบบ คือแบบ PCR และ Antibody Tests โดยผู้ที่สมัครขอวีซ่าต้องมีเอกสารยืนยันการฉีดวัคซีนครบ 2 โดสอย่างน้อย 14 วันก่อนเข้าประเทศ และจะได้รับการตรวจคัดกรองซ้ำอีกครั้งที่สนามบิน รวมทั้งกักตัวหลังเข้าประเทศอย่างน้อย 14 หรือ 21 วัน ขึ้นอยู่กับว่าเดินทางมาจากภูมิภาคหรือประเทศใด
.
ปิดท้ายสูตรนี้ด้วยการเร่งระดมสรพพกำลังทั้งหมดไปกับการระดมฉีดวัคซีนโควิดให้แก่ประชาชนทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนับจนถึงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทางการจีนสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้แล้วมากกว่า 1.94 พันล้านโดส หรือคิดเป็นอัตราส่วน 135 โดส ต่อประชากร 100 คน ซึ่งสูงกว่าสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร
.
.
จีนนับได้ว่าประสบความสำเร็จในการใช้ยุทธศาสตร์ Zero COVID เป็นอย่างมาก ตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีครึ่งที่ผ่านมานี้ จนสามารถควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อให้ลดลงเกือบเป็น 0 ในขณะที่การกลับมาใช้ชีวิตของประชาชนและการดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ ส่งผลแง่บวกต่อภาวะเศรษฐกิจ โดยผู้เชี่ยวชาญมองว่าเป็นยุทธศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพสูงในขณะที่ค่าใช้จ่ายต่ำ หากเทียบกับผลเสียทางเศรษฐกิจจากการระบาดต่อเนื่องของโควิด
.