หากจะให้พูดถึงสวนสัตว์ที่อยู่ในความทรงจำของผู้คน หนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้น สวนสัตว์เปิด ซาฟารี เวิลด์ เพราะด้วยเอกลักษณ์เฉพาะที่สามารถให้บุคคลทั่วไปเข้าไปสัมผัสกับสัตว์นานาชนิดแบบเปิดนั้น ช่วยดึงดูดผู้คนที่หลงรักสัตว์ป่า ธรรมชาติ ให้เข้าไปยังพื้นที่แห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย
สำหรับความเป็นมาของสวนสัตว์เปิดแห่งนี้ แต่เดิม พื้นที่ตั้งของสวนสัตว์เป็นเหมืองพลอยของคุณปัญญา ประสพสุขโชคมณี ภายหลังจากยุติธุรกิจล้างแร่พลอยลง ก็มีความประสงค์ที่จะทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อสังคม
ด้วยความรักและเมตตาที่มีต่อสัตว์จึงได้ก่อตั้งสวนสัตว์เปิด ซาฟารี ปาร์ค ขึ้นมาเพื่อเป็นพื้นที่สีเขียวสำหรับเป็นแหล่งเรียนรู้ อนุรักษ์และขยายพันธุ์สัตว์นานาชนิด
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เด็ก นักเรียน นักศึกษารุ่นหลังได้มีโอกาสเรียนรู้และศึกษาถึงชีวิตสัตว์ต่างๆ รวมไปถึงสร้างงานสร้างได้ให้แก่ชุมชนบริเวณนี้ โดยเน้นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และธรรมชาติ นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับสัตว์ได้ใกล้ชิด
.
.
.
.
แต่เมื่อเกิดโรคระบาดขึ้นในปีที่แล้ว ซาฟารีเวิลด์ ก็นับเป็นหนึ่งในสวนสัตว์อีกแห่ง ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 เหมือนกับสวนสัตว์ทั่วประเทศ และจำเป็นต้องปิดกิจการชั่วคราวหลายรอบตั้งแต่ต้นปี 2563 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เพราะส่วนสัตว์ถือได้ว่าเป็นธุรกิจประเภทหนึ่งที่ทางการออกคำสั่งให้พักกิจการ
จนเมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา มีการรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ตามหลักเกณฑ์ที่จำเป็นต้องแจ้ง ของบริษัทซาฟารีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) ว่า ได้ทำการต่อสัญญาการเช่าที่ดินของบริษัท จังเกิลเวิลด์ เป็นเนื้อที่กว่า 2 แปลง 535 ไร่
.
.
.
โดยเป็นแบ่งเป็นสัญญาแรก เนื้อที่ประมาณ 500 ไร่ เป็นสถานที่ปลูกหญ้า พืชพันธุ์ ที่ใช้เป็นอาหารสัตว์ มาตั้งแต่ปี 2555 ในอัตราค่าเช่าปีละ 1ล้านบาท และสัญญาที่ดินดังกล่าวจะครบกำหนดหมดสัญญาในวันที่ 30 กันยายนที่ผ่าน (2564) คณะกรรมการบริษัทจึงได้ลงความเห็นต่อสัญญาเช่าที่ดินออกไปอีก 3 ปี ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายน 2567 ซึ่งสัญญานี้จะเป็นไปตามเงื่อนไขเดิมที่เคยทำไว้
ส่วนสัญญาที่สอง เป็นการเช่าที่ดินเนื้อที่ 35 ไร่ ซึ่งจะใช้เป็นที่ตั้งของฟาร์มผลิตอาหารสัตว์ ในอัตราค่าเช่าปีละ 1 แสนบาท เพื่อใช้เป็นอาหารหล่อเลี้ยงสัตว์ในสวนสัตว์ ซาฟารีเวิลด์ มีกำหนดสัญญา 3 ปีเช่นกัน ซึ่งจะไปสิ้นสุดในวันที่ 30 มิถุนายน 2567
.
สำหรับรายได้ของสวนสัตว์ในปี 2563 ซึ่งเป็นปีแรกที่โรคระบาดเข้ามาในประเทส พบว่าลดลงเหลือเพียง 512 ล้านบาท จากรายได้ของปีก่อนที่มีมูลค่ากว่า 1,850 ล้านบาท ขาดทุน 655 ล้านบาท จากที่เคยมีกำไร 57 ล้านในปีก่อน
.
ส่วนในสองไตรมาสแรกของปี 2564 มีรายได้อยู่ที่ 132 ล้านบาท ขาดทุนไปแล้วกว่า 468 ล้านบาท สามารถก็เนื่องมาจากการที่ต้องถูกสั่งปิดอยู่บ่อยครั้ง หลายระลอกด้วยกัน จนถึงครั้งล่าสุดที่ถูกปิดตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ลากยาวจนถึงปัจจุบัน
.
ยุคของการปรับตัวสู่ธุรกิจใหม่จากต้นทุนเดิมที่มีอยู่
.
.
.
.
.
.
.
แม้จะผ่านช่วงที่ยากลำบากเช่นนี้ แต่สวนสัตว์ก็ยังคงมองหาโอกาสในการหาช่องทางรายได้เพิ่มเติม ดังจะเห็นได้จากล่าสุด ที่ซาฟารีเวิลด์ได้พลิกแพลงเอาจุดเด่นของตัวเอง มาสร้างสรรค์เมนูของหวานในรูปแบบใหม่ ที่ยึดเอาความน่ารักโดยใช้ธีมสัตว์ป่า เป็นจุดขาย ในช่องทาง Animal Café คาเฟ่กาแฟที่เปิดทำการอยู่ในซาฟารีเวิลด์ โดยลงมาจับตลาดออนไลน์ให้บริการผ่านไรเดอร์ Delivery ซึ่งก็นับว่าเป็นการปรับตัวที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก
สำหรับใครที่คิดถึงบรรยากาศของสวนสัตว์ หรือต้องการจะสนับสนุนให้ที่แห่งนี้ยังคงดูแลน้องๆต่อไปได้ จนกว่าจะถึงวันที่เราจะจะได้กลับมาสัมผัสกับพวกเขาใกล้ๆอีกครั้ง
สามารถสั่งซื้อสินค้า หรือตั๋วเข้าชมสวนสัตว์ต่อได้ที่เว็ปไซต์ : www.safariworld.com/365 หรือ Facebook Fanpage : https://web.facebook.com/safariworld.bangkok