หากพูดถึงการลงทุนในช่วงนี้เราจะเห็นหลายๆธุรกิจและบริษัทมากมาย ไม่ว่าจะเป็น แสนสิริ รวมถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศอย่าง ซีพี ที่ได้มีการขายหุ้นกู้ออกมา ให้กับนักลงทุน แต่ก่อนที่เราจะเลือกลงทุนนั้น เราต้องรู้จักกันก่อนว่า หุ้นกู้คืออะไร และโอกาสที่ได้ผลตอบแทนเป็นอย่างไร
หุ้นกู้ คืออะไร
ตราสารทางการเงินที่แสดงถึงพันธะสัญญาการเป็นหนี้ระหว่างผู้ออกหุ้นกู้ (ผู้ขอกู้เงิน) และผู้ซื้อหุ้นกู้ (ผู้ให้กู้เงิน) หากหุ้นกู้ออกโดยรัฐบาลจะเรียกว่า พันธบัตร ถ้าออกโดยบริษัทเอกชนจะเรียกว่า หุ้นกู้
สถานะของผู้ลงทุนในหุ้นกู้
เมื่อซื้อหุ้นกู้ เราจะมีฐานะเป็น “เจ้าหนี้” ส่วนบริษัทที่ออกหุ้นกู้จะมีฐานะเป็น “ลูกหนี้” ซึ่งความเป็นเจ้าหนี้ของเราสามารถเป็นได้หลายแบบตามลักษณะของหุ้นกู้ เช่น มีประกันหรือไม่มีประกัน ระยะเวลา ดอกเบี้ย
จุดเด่นของหุ้นกู้คืออะไร เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน
รู้ผลตอบแทนล่วงหน้า ซึ่งจะเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรายได้แน่นอน สม่ำเสมอ
การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหน ฉะนั้น จึงต้องศึกษาให้ละเอียด
หากพูดถึงความเสี่ยงของหุ้นกู้ ก็คือลูกหนี้ (บริษัทที่เสนอขายหุ้นกู้) มีโอกาสผิดนัดชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ ซึ่งก็คือเรานั่นเอง หากแต่การลงทุนในหุ้นกู้ สามารถตรวจเช็ค เพื่อดูความเสี่ยงได้จาก Credit Rating การจัดอันดับ ซึ่งโดยปกติ จะมีการจัดอันดับบริษัทไว้อยู่แล้ว โดยเราสามารถเช็คได้จากสถาบันจัดอันดับที่มีให้เลือกหลากหลาย ยิ่ง Credit Rating สูงเท่าไหร่ ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ก็จะยิ่งต่ำเท่านั้น
– โดยถ้าอันดับความน่าเชื่อถือสูง มีความเสี่ยง และผลตอบแทนต่ำ จะเรียกว่า Invesment Grade Bonds
– ส่วนอันดับความน่าเชื่อถือต่ำ มีความเสี่ยง และผลตอบแทนสูง จะเรียกว่า High-Yield Bonds
โดยถ้าจะให้สรุปความ คำว่า “หุ้นกู้” ก็หมายถึง “การขอยืมเงินจากเจ้าหนี้ ซึ่งก็คือนักลงทุน” โดยบริษัทที่เสนอขายหุ้นกู้ จะให้ผลตอบแทน “การยืมเงินในครั้งนี้” ด้วยอัตราดอกเบี้ย ตามที่ตกลงกันไว้ก่อนทำสัญญา
.