Ascend Money สตาร์ทอัพด้านฟินเทคในไทย ผู้อยู่เบื้องหลังบริการ TrueMoney Wallet ได้ประกาศว่า บริษัทได้ระดมทุนรอบ Series C มูลค่า 150 ล้านดอลลาร์ หรือราว 5 พันล้านบาทได้สำเร็จ ส่งผลให้ Ascend Money มีมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ในทันที
ซึ่งจากการระดมทุนล่าสุดนี้ ส่งผลให้บริษัทขึ้นแท่นเป็นสตาร์ทอัพ ระดับยูนิคอร์นตัวล่าสุดของไทยไปโดยปริยาย แม้ก่อนหน้านี้ จะมี “แฟลช” ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ในนาม แฟลช เอ็กซ์เพรส ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพ ยูนิคอร์นตัวแรกของไทยไปแล้ว เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่ในครั้งนี้นับว่า Ascend Money เป็นยูนิคอร์นตัวแรกของไทย ในด้านฟินเทคสตาร์ทอัพ ที่ได้มีโอกาสขึ้นไปอยู่ในระดับนี้ต่อจากแฟลช
สำหรับการระดมทุนในรอบซีรีส์ C นั้นมีนักลงทุนที่นำโดย “เครือเจริญโภคภัณฑ์” ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Ascend Money ร่วมมือกับพันธมิตร อาทิ บริษัทลงทุนจากสหรัฐฯ Bow Wave Capital Management และ Ant Group ของอาลีบาบา
Ascend Money จะใช้เงินที่ได้รับเพื่อขยายแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet พร้อมทั้งแผนขยายบริการทางการเงินดิจิทัลตั้งแต่สินเชื่อดิจิทัลและการลงทุนดิจิทัลไปจนถึงการโอนเงินข้ามพรมแดนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด 19 การใช้งาน e-payment ผ่าน TrueMoney Wallet ได้เพิ่มขึ้นอย่างมากจากมาตรการ Social Distancing และการรับรู้ของสาธารณชนในการทำธุรกรรมแบบไร้สัมผัสทั่วทั้งภูมิภาค โดยมีข้อมูลจาก นายธรรมวรานุคุปต์ ประธานร่วมของ Ascend Money ซึ่งได้กล่าวกับ TechCrunch ว่า ผู้ใช้ในประเทศไทยเติบโตขึ้นจาก 17 ล้านคนในต้นปี 2564 เป็น 20 ล้านคน ในขณะนี้ ขณะที่ธุรกรรมในส่วน การชำระเงินออนไลน์เพิ่มขึ้นกว่า 75%
“การเติบโตของ e-payment ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในขณะที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเคลื่อนไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลและสังคมไร้เงินสด” นายธรรมวรานุคุปต์กล่าว
“ผลกระทบจากโรคระบาดได้เร่งการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” อิไต เล็มเบอร์เกอร์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Bow Wave Capital Management ได้กล่าวสำทับ
ปริมาณการชำระเงินรวมของบริษัทอยู่ที่ 14 พันล้านดอลลาร์ในปี 2020 ใน 6 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คิดเป็นการเติบโต 84% ระหว่างปี 2019 ถึง 2020 ตามคำแถลง ประมาณ 70% มาจากประเทศไทย ในขณะที่ 30% มาจากตลาดต่างประเทศ และในประเทศไทย Ascend Money มีส่วนแบ่งการตลาดถึงประมาณ 70%
Ascend Money บอก TechCrunch ว่าได้รวบรวมผู้ใช้แล้ว 50 ล้านคนผ่าน TrueMoney และช่องทางออฟไลน์ รวมถึงเครือข่ายตัวแทน TrueMoney ประมาณ 88,000 เครือข่าย ซึ่งเป็นจุดแข็งหลักในการขยายธุรกิจในภูมิภาค
บริการ e-wallet ยังทำหน้าที่เป็นช่องทางการชำระเงินสำหรับ B2B ตั้งแต่แบรนด์ใหญ่ไปจนถึงเจ้าของ SME ในท้องถิ่นและผู้ประกอบการตลาดริมถนน นอกจากนี้ แพลตฟอร์ม TrueMoney Wallet ยังให้บริการสินเชื่อดิจิทัลแก่ลูกค้ารวมถึงผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่มีคะแนนเครดิตแบบดั้งเดิม ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาเข้าถึงสินเชื่อดิจิทัลได้ง่ายขึ้น
“เราให้บริการ TrueMoney Wallet และ TrueMoney Agent ในประเทศอื่นนอกเหนือจากประเทศไทย ซึ่งผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่มีบัญชีธนาคารและไม่ได้รับบริการทางการเงิน ที่ยังคงจำกัดการเข้าถึงบริการทางการเงินขั้นพื้นฐาน”
“ Ascend Money ให้แพลตฟอร์มทางการเงินของโอกาสสำหรับผู้ที่ถูกกีดกันทางการเงินและ SMEs ทั่วภูมิภาค ความสำเร็จของบริษัทยังเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงศักยภาพของประเทศไทยและระบบนิเวศที่แข็งแกร่งในการสนับสนุนบริษัทฟินเทคในประเทศและสตาร์ทอัพสำหรับการขยายธุรกิจในต่างประเทศ” นายศุภชัย เจียรวนนท์ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริษัท Ascend Money กล่าว
สำหรับ Ascend Money นั้นก่อตั้งขึ้นในปี 2556 และมีการเติบโตอย่างรวดเร็วโดยอาศัยเครือข่ายของร้านสะดวกซื้อในเครือซีพีอย่าง 7-Eleven โดย TrueMoney Wallet นั้นเป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการทั้งการเติมเงินมือถือ, จ่ายบิล และโอนเงิน ซึ่งในปัจจุบัน นอกจากครอบคลุมในประเทศไทยแล้ว ยังมีการดำเนินงานขยายตลาดต่อไปทั้งในอินโดนีเซีย, เวียดนาม, เมียนมา, กัมพูชา และฟิลิปปินส์
.
ที่มา : techcrunch.com
.