ยักษ์ใหญ่ด้านการชำระเงินอย่างมาสเตอร์การ์ด ประกาศว่าจะปล่อยทางเลือกใหม่ ที่เรียกว่า “Mastercard Installments” เพื่อลงสนามสู้ศึกกับแพลตฟอร์มน้อยใหญ่ ที่กำลังช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดกันอย่างครึกครื่นในขณะนี้
โดยเป็นรูปแบบการให้ยืมเงินที่นิยมมากขึ้น ตามเทรนด์การซื้อสินค้าแบบซื้อก่อน ผ่อนทีหลัง (Buy Now Pay Later) เหมาะกับยุคสมัยของคนรุ่นใหม่ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้เร็วขึ้นหากมีทางเลือกนี้ โดยในช่วงแรกจะนำร่องในตลาดสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร ซึ่งจะเปิดให้ใช้งานในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า
“ผู้บริโภคมีความต้องการ และให้ความสนใจเป็นอย่างมาก กับการซื้อสินค้าแบบ ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง” Craig Vosburg หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Mastercard ได้กล่าว
ทั้งนี้ ทางมาสเตอร์การ์ดจะไม่ให้ลูกค้ายืมโดยตรง หากแต่จะทำผ่านเครือข่ายของพันธมิตร ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกลางในกระบวนการชำระเงินสำหรับบัตรเครดิตและบัตรเดบิต ในกรณีนี้ จะช่วยให้ธนาคารและฟินเทคสามารถเชื่อมต่อกับโปรแกรมมาสเตอร์การ์ดและเสนอสินเชื่อได้โดยตรง ผ่านการแบ่งปันข้อมูลของลูกค้านั่นเอง
ซึ่งก็มีหลายธนาคารในสหรัฐอเมริกาที่ตบเท้าเข้าร่วมด้วยในครั้งนี้ อาทิ SoFi, Synchrony และ Marqeta โดยจะเป็นธนาคารที่วางแผนที่จะใช้ Mastercard สำหรับการปล่อยสินเชื่อเพื่อการผ่อนชำระ
สินเชื่อ BNPL นับว่าช่วยเพิ่มยอดขายโดยเฉลี่ยได้ถึง 45% ทั้งลดภาวะที่เรียกว่า “การทิ้งรถเข็นระหว่างทาง” ของลูกค้า ซึ่งทำได้กว่า 35% จากข้อมูลของ Mastercard ที่ให้รายละเอียดไว้
Vosburg ยังกล่าวต่ออีกว่า ผู้ค้ามองว่าสินเชื่อประเภทนี้เป็นวิธีผลักดันยอดขายให้มากขึ้น ในขณะเดียวกัน ลูกค้ามักจะหันไปใช้เงินกู้เหล่านี้เป็นทางเลือกที่ถูกกว่าและสะดวกกว่าสำหรับสินเชื่อหมุนเวียนแบบดั้งเดิม ซึ่งเข้ามาตอบโจทย์ของชีวิตพวกเขาให้มีทางเลือกมากยิ่งขึ้น
การขยับตัวของมาสเตอร์การ์ดในครั้งนี้ เป็นผลมาจากการรุกตลาด BNPL ในช่วงก่อนหน้า ซึ่งมีตั้งแต่แพลตฟอร์มการเงินอย่าง Paypal และ Square ไปจนถึงสถาบันการเงินใหญ่ๆ อย่าง Goldman Sachs ที่เข้ามาผ่านการซื้อหุ้นบริษัทในตลาดนี้
สำทับด้วยการประกาศของ Apple ที่จะขอร่วมวงแบ่งเค้กก้อนใหญ่นี้ด้วย ผ่านการจับมือกับ Goldman Sachs ในขณะที่ Visa คู่แข่งตัวฉกาจของ Mastercard ก็มีแผนรุกตลาด BNPL เหมือนกัน
ทางด้าน CEO Max Levchin เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่โต้แย้งว่าการให้กู้ยืมแบบผ่อนชำระอาจเป็นภัยคุกคามต่อผู้เล่นแบบเดิม เช่น Mastercard และ Visa โดยการทำลายเครดิตหมุนเวียน
แต่ Vosburg บอกว่ามันเป็น การสร้างทางเลือกใหม่ โดยอ้างอิงจากพฤติกรรมของผู้บริโภค เนื่องจากผู้คนเลือกใช้บริการ เดบิตมาสเตอร์การ์ดเป็นวิธีการชำระเงินคืน ซึ่งอัตราที่สูงขึ้น สอดคล้องกับภารกิจที่ต้องการหาทางเลือกใหม่ ให้กับทั้งผู้บริโภคและร้านค้า เพื่อให้ได้มาซึ่งการปิดการซื้อและขาย ด้วยความรวดเร็ว
โดยได้มีคำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงของสินเชื่อรูปแบบเดิม เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการกู้เงินผ่อนชำระ เพราะการชำระสินค้าแบบจ่ายทีหลังบางรายการจะไม่ถูกรายงานไปยังเครดิตบูโร ซึ่งพวกเขาสามารถใช้ข้อมูลนี้ เพื่อประเมินความน่าเชื่อถือของเครดิตได้ดีกว่าคะแนน FICO แบบเดิม
ที่มาข้อมูล : cnbc.com