เปิดวิธีนำสินค้าเข้าไปขายใน 7-11 สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่ต้องการเติบโตไปกับร้านสะดวกซื้อที่มีสาขาอยู่ทั่วไทย


ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ร้านสะดวกซื้อที่เข้าถึงง่ายและสะดวกใกล้บ้านของเราในปัจจุบัน จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก เซเว่น อีเลฟเว่น จะเห็นได้ว่าแค่เพียงเราเดินออกไปหน้าปากซอย หรือเดินตามสี่แยกที่ผู้คนสัญจรพลุกพล่าน จะพบได้ว่าเรามักจะพบเห็นร้านสะดวกซื้อที่มีสีเขียวเป็นเอกลักษณ์นี้แทบจะเป็นภาพชินตา จนถึงขนาดสามารถเป็นหลักปักหมุดสำหรับผู้คนที่ต้องเดินทางไปในที่ที่ไม่เคยไป ให้สามารถรู้ตำแหน่งเพื่อไม่ให้หลงทางได้ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดทางภูมิศาสตร์ได้ว่า เซเว่น อีเลฟเว่นได้กระจายตัวซึมลึกอยู่ในแทบทุกชุมชนแล้ว

นับตั้งแต่ปี 2534 ที่ซีพีออลล์เปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกที่ต้องการความมั่นคงทางธุรกิจ ได้มีโอกาสในการเป็นผู้ร่วมธุรกิจร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ซึ่งในปัจจุบันมีร้านสโตร์บิสิเนสพาร์ทเนอร์ ขยายสาขาไปแล้วจำนวนกว่า 6,698 สาขา จากจำนวนร้านเซเว่น อีเลฟเว่นทั้งหมดกว่า 12,225 สาขา (ไตรมาส3/2563) ซึ่งนั่นเป็นเวลากว่า 30 ปีแล้วที่เซเว่นได้ลงหลักปักฐานในธุรกิจร้านสะดวกซื้อ และยังคงเดินหน้าสู่เป้าหมายที่จะมีจำนวนสาขาให้ครบ 13,000 สาขา ภายในปี 2564

.

หลายคนคงคิดว่า การเสนอสินค้าไปขายในร้านเซเว่นนั้น จะต้องยุ่งยากและมีขั้นตอนมากมายให้ต้องปวดหัวอย่างแน่นอน แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ยากอย่างที่คิด เพราะยิ่งคุณเตรียมความพร้อมให้กับสินค้ามากเท่าไหร่ โอกาสที่จะได้ร่วมทำธุรกิจกับร้านเซเว่นฯก็จะยิ่งง่ายมากขึ้นเท่านั้น

ซึ่งวันนี้เราจะพาไปดูวิธีการ นำสินค้าของเรา ไปลงขายในเซเว่น สำหรับผู้ประกอบการที่มองเห็นโอกาสในการจำหน่ายสินค้าและหวังใจว่า สินค้าของเราจะมีโอกาสเปิดโลกสู่สาตาของสาธารณะชน จนต่อยอดรายได้เพิ่มขึ้นจากปกติ ทั้งยังสามารถมีโอกาสขยับขยายธุรกิจไปสู่เพดานตลาดที่สูงกว่าเดิม

.

.

.

สิ่งแรกที่ต้องเตรียมให้พร้อมก็คือสินค้าของเรา

ต้องดูว่าสินค้าของเรานั้นมีคุณภาพมาตรฐานตรงตามที่ร้านเซเว่นฯต้องการคือดูว่าสินค้าที่จะเสนอตรงกับความต้องการของตลาดหรือสอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคในขณะนั้นหรือไม่อย่างไร เพราะยิ่งเป็นสินค้าที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคและเป็นเทรนด์ของตลาดในขณะนั้น ย่อมมีโอกาสที่สินค้าจะขายดีหรือได้รับความนิยม มากกว่าสินค้าประเภทอื่นๆ และแน่นอนว่านอกจากความต้องการทางตลาดที่มีผลแล้ว คุณภาพมาตรฐานของสินค้าก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทางร้านเซเว่นฯให้ความสำคัญสินค้าทุกชิ้นจะต้องผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐานของสินค้า มีเครื่องหมายรับรองของทางราชการเช่น ได้รับอนุญาตจาก อย. หรือเครื่องหมายรับรองมาตรฐานของกระทรวงอุตสาหกรรมหรือ มอก.

.

ลงทะเบียนเพื่อนำข้อมูลของสินค้าไปกรอกให้ครบถ้วนในเว็บไซต์

เมื่อเตรียมสินค้าเรียบร้อย พร้อมที่จะนำเสนอ ขั้นตอนต่อไปก็เพียงแค่เข้าไปกรอกข้อมูลผลิตภัณฑ์ของเราทางเว็ปไซต์ http://www.sme2idethailand.com/input/index_.php โดยการตรวจสอบเบื้องต้นของทางบริษัท จะดูจากความน่าสนใจของสินค้าเป็นหลักรวมถึงความเป็นไปได้ที่จะนำมาวางขายซึ่งจะต้องไม่ขัดต่อหลักเกณฑ์ของบริษัท ซึ่งในขั้นตอนนี้นับว่าเป็นด่านแรกที่เราจะได้พรีเซ้นสินค้าของเรา จึงจำเป็นต้องกรอกข้อมูลให้ละเอียดที่สุด มีความน่าสนใจ เพื่อดึงดูดให้กรรมการเห็นถึงความโดดเด่นของสินค้า จากนั้นถึงจะมีการสรุปว่าสินค้าที่พิจารณาผ่านความเห็นชอบในรอบแรกหรือไม่

.

นัดหมายเพื่อนำเสนอรายละเอียดสินค้า

หากผ่านการพิจารณาก่อนหน้านี้แล้ว ขั้นต่อไป เจ้าหน้าที่ของบริษัทจะดำเนินการนัดหมายให้เราเข้าไปนำเสนอสินค้า ตลอดจนแผนการตลาดสนับสนุนสินค้าดังกล่าว หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะจัดทำข้อมูลและนำเสนอแก่คณะกรรมการคัดเลือกสินค้าของบริษัทเพื่อร่วมพิจารณาตามหลักเกณฑ์สำคัญ อาทิ แนวโน้มและทิศทางของการตลาด กลุ่มลูกค้า รวมถึงโอกาสเติบโตในอนาคต ในขั้นตอนนี้จะมีการพูดคุยเพื่อเจรจากันแล้ว ดังนั้น ควรเตรียมข้อมูลสินค้า ตลาดที่ต้องการเจาะ และตัวเลขความเป็นไปได้ในอนาคต (ยิ่งเห็นภาพชัด ยิ่งมีแต้มต่อ)

.

ตรวจสอบมาตรฐานสินค้าและโรงงานการผลิตรวมถึงกระบวนการผลิต

สำหรับผู้ที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการตรวจสอบมาตรฐานสินค้าและโรงงานการผลิตรวมถึงกระบวนการผลิตที่เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของกฏหมายที่ระบุไว้มีความปลอดภัยและถูกหลักอาชีวอนามัย ตลอดจนคำนึงถึงสภาพแวดล้อมรวมถึงการพิจารณาศักยภาพในการผลิตและส่งมอบสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ในขั้นตอนนี้เราสามารถเจรจากับทางเจ้าหน้าที่ได้ หากโรงงานหรือสถานที่ผลิตยังไม่ได้มาตรฐานตามที่วางไว้ ซึ่งสามารขอความช่วยเหลือได้จากสถาบันการเงิน เพื่อพัฒนาระบบพร้อมกับยกระดับให้ตรงตามเกณฑ์ ทั้งนี้ควรต้องผ่านการพูดคุยกันแล้วหลังจากสินค้ามีความเป็นไปได้ที่เซเว่นจะนำไปขายในร้าน

.

กำหนดวันจำหน่ายสินค้า พร้อมปล่อยสินค้าล็อตแรก

หลังจากคุณผ่านมาตรฐานในเรื่องการผลิตและโรงงาน เมื่อผ่านมาถึงด่านนี้ นั่นหมายถึงสินค้าของคุณพร้อมจะเผยโฉมตัวเองสู่สายตาสาธารณะชนแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการกำหนดวันจำหน่ายสินค้าและกำหนดยอดสั่งผลิตในล็อตแรก ซึ่งจะมีรายละเอียดและข้อกำหนดต่างๆ เช่นรูปแบบการกระจายสินค้าจะเป็นไปในลักษณะใดครอบคลุมทุกสาขาหรือต้องการเจาะจงเฉพาะพื้นที่ เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ

.

.