“CHEWW.CO” นวัตกรรมยาสีฟันอัดเม็ด เกิดจากนักออกแบบผลิตภัณฑ์ ที่ต้องการให้สินค้า Green เกิดขึ้นอยู่รอดได้จริงในสังคมทุนนิยม มุ่งปณิธานสิ่งแวดล้อมมากกว่าเป้าหมายทางธุรกิจ
“ยาสีฟันอัดเม็ด” ผลิตภัณฑ์ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เป็นสินค้านวัตกรรมและรักษ์สิ่งแวดล้อมที่มีมานานในต่างประเทศ แต่สำหรับประเทศไทย อาจกล่าวได้ว่า “CHEWW.CO” เป็น Innovation Product รายแรกของเมืองไทย จุดเริ่มต้นจากคุณเกวลิน (หลิว) ศักดิ์สยามกุล ผู้ก่อตั้งและผู้จัดการบริหาร ห้างหุ้นส่วนจำกัด ชิว อีโค่ซีสเต็ม (Chew Ecosystem Limited Partnership)
ผู้ซึ่งมีความสนใจในประเด็นสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ตอนศึกษาการออกแบบผลิตภัณฑ์ ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร โดยคิดว่าแนวคิดการออกแบบไม่จำเป็นต้องออกแบบเพื่อความสวยงาม สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า เพื่อขายสินค้าในกลุ่มที่มีรายได้มากเท่านั้น แต่ควรที่จะตอบโจทย์เพื่อการรักษาและดูแลสิ่งแวดล้อม การทำสินค้าประเภท green ต้องสามารถอยู่รอดได้จริงในสังคมทุนนิยม ซึ่งแนวคิดเช่นนี้ยังอยู่ในความคิด ความฝันในใจของคุณหลิวตลอดมา
เมื่อจบการศึกษาแล้วคุณหลิวก็เข้าทำงานด้านการตลาดในบริษัทโฆษณาเหมือน ๆ กับคนอื่น ๆ ที่จบมาในสาขาออกแบบบรรจุภัณฑ์เมื่อกว่า 10 ปีที่ผ่านมา แต่เนื่องจากการทำงานในวงการโฆษณามีแรงกดดัน มีกาารแข่งขันสูง ทำให้ไม่มีความสุขจากการทำงาน และเกิดโรคซึมเศร้า เมื่อทำได้ประมาณ 8 ปี จึงตัดสินใจออกจากงานและหันมาทำงานในส่วนที่ตนเองถนัด
โอกาสนี้เอง คุณหลิวได้นำความฝันที่อยากจะทำผลิตภัณฑ์คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมที่ตนเองเคยเก็บไว้ในใจตั้งแต่ตอนเรียนหนังสือออกมาปัดฝุ่น โดยแนวคิดนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากการจุดประกายจากอาจารย์ที่ปรึกษาสมัยเรียนปริญญาตรีอยู่ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร ที่ชื่อ อ.ตุ๊กตา-ดร. ตรีชฎา โชติรัตนภินันท์ อาจารย์ประจำภาควิชาออกแบบผลิตภัณฑ์ คณะมัณฑศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ไปปรึกษาการทำธุรกิจ green ที่ไฝ่ฝัน และชวนมาร่วมเป็น Co-founders โดยทั้งคุณหลิวและอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นผู้ดูแล Product Concept และมีอาเขยที่เป็นเภสัชกร เชี่ยวชาญงานด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมยา เป็นคนดูแลเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์
.
.
.
.
จากประสบการณ์ที่คุณหลิวอยู่ในวงการโฆษณาถึง 8 ปี จึงเห็นโอกาสทางการตลาด เห็นถึงความสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมของผู้บริโภคส่วนหนึ่งในประเทศไทยนั้นมีอยู่จริง และสามารถที่จะพัฒนาเป็นลูกค้าในอนาคตต่อไป จึงได้ผลักดันยาสีฟันอัดเม็ด “CHEWW.CO” ออกมาเมื่อต้นปี 2562 ทันทีที่ออกตลาดก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค ช่องทางขายในระยะแรกเน้นการขายทางออนไลน์ ซึ่งมีประโยชน์อย่างมาก เพราะนอกเหนือการมีช่องทางการขายออนไลน์ที่มีต้นทุนต่ำแล้ว ยังเป็นการใช้ช่องทางดังกล่าวในการทำโฆษณา แนะนำจุดเด่นความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมือนยาสีฟันทั่วไปในท้องตลาด
คุณหลิวบอกว่า “การให้ความสนใจจากสื่อมวลชนที่เห็นว่าสินค้าของเราอยู่ในกลุ่ม green คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม แล้วนำไปเผยแพร่ยังที่ต่าง ๆ เป็นประโยชน์อย่างมากในการสร้างแบรนด์ ลูกค้าให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ไม่ต้องใช้แรงผลักดันมากนักในการเข้าสู่ตลาด”
“CHEWW.CO” ถูกวางแนวคิดด้าน green มาตั้งแต่ต้น เริ่มต้นจากตัวผลิตภัณฑ์ที่คัดสรรและนำส่วนประกอบที่เป็นสิ่งปรุงแต่งยาสีฟันออกไป เช่น ส่วนผสมของน้ำ เพื่อให้สามารถพัฒนาเข้มข้นจนสามารถอัดเป็นเม็ดได้ ลดปัญหาเรื่องบรรจุภัณฑ์หลอดพลาสติกที่ย่อยสลายยาก เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เป็นขวดแก้ว ซึ่งสามารถ Recycle ได้ เปิดแนวคิดในการใช้ยาสีฟันไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมากนัก เพราะในปากก็มีน้ำลายซึ่งมีสภาพเป็นน้ำอยู่แล้ว ทำการตลาดสำหรับลูกค้าที่มาซื้อซ้ำโดยไม่จำเป็นต้องซื้อชนิดขวดเป็นรอบที่ 2 แต่ส่งเสริมให้ซื้อ refill โดยใส่ถุงกระดาษเป็นบรรจุภัณฑ์ และหาทางส่งเสริมเปิดช่องทางขายร้านขายสินค้าจำพวก green ที่มีแนวคิดเรื่องการนำภาชนะมาตักซื้อ เพื่อลดขยะด้านบรรจุภัณฑ์
“นอกเหนือจากการเจาะเข้าร้านค้าประเภท green แล้ว ปัจจุบันก็ได้วางอยู่ในท็อปซุปเปอร์มาเก็ต เซ็นทรัลเอ็มบาสซี่ แต่ในช่องทางประเภทนี้ไม่สามารถให้บริการแบบนำภาชนะมาตักได้ จึงขายได้แต่เฉพาะบรรจุภัณฑ์แบบขวด เพราะยังติดปัญหาเรื่องกฎหมายที่จะต้องป้องกันเรื่องการปนเปื้อน การตรวจสอบเรื่องมาตรฐานต่าง ๆ สำหรับสินค้าเข้าห้างได้ต้องปฏิบัติตามรายละเอียดที่ทางห้างกำหนดไว้” คุณหลิวเล่าถึงข้อจำกัดในการทำการตลาด refill ในประเทศไทย ซึ่งแตกต่างจากต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย สวีเดน ที่สามารถทำได้เป็นการทั่วไปในห้างสรรพสินค้า หรือซูปเปอร์มาร์เก็ตสโตร์
.
.
ทางด้านเป้าหมายตลอดจนวิสัยทัศน์ในการดำเนินกิจการตั้งแต่แรก และจะเป็นทิศทางต่อไปในอนาคต คุณหลิวบอกว่า เรื่องการขยายไปสู่ mass ก็เป็นเป้าหมายทางการตลาด โดยจะพยายามส่งเสริมให้ผู้บริโภคนิยมมากขึ้น เพื่อเพิ่มยอดขาย ส่งผลให้ราคาต่อหน่วยลดลงมา สามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายที่มีอำนาจการซื้อต่ำกว่าปัจจุบัน
เพราะยอมรับว่าด้วยข้อจำกัดด้านปริมาณการผลิต “CHEWW.CO” จึงเป็นสินค้าที่ตอบสนองคนในกลุ่ม B+ เสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ไม่ได้เร่ง เพราะไม่ได้ใช้มาตรวัดทางธุรกิจเป็นเงื่อนไขของความสำเร็จ แต่เน้นมาตรวัดด้านสิ่งแวดล้อมมากกว่า เปิดให้สินค้าของตัวเองเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค แม้ว่าต้องใช้เวลา
ตอนคิดโมเดลธุรกิจก็ศึกษาให้คุ้มทุนตั้งแต่ล็อตแรกที่ผลิตแล้ว โดยการวางแผนกำหนดสูตรการผลิตแล้วส่งต่อให้ OEM เป็นคนผลิตน่าจะสะดวกกว่าและเป็นการลงทุนที่ถูกที่สุด สะดวกไม่ยุ่งยาก ไม่มีความคิดที่จะมาลงทุนด้านโรงงานของตัวเอง แม้ว่ายอดของการขายจะมากกว่านี้ก็ตาม ส่วนแนวคิดที่จะส่งออกไปต่างประเทศก็ยังไม่มี เพราะประเทศที่พัฒนาแล้วและให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและสินค้า Green เขาก็มียาสีฟันอัดเม็ดกันมานานแล้ว ช่วงต้นนี้เน้นขายตลาดในประเทศก่อน
ในความเห็นของคุณหลิวคิดว่าอุปสรรคที่สำคัญของการทำผลิตภัณฑ์ “CHEWW.CO” ไม่ได้อยู่ที่ส่วนของภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภคหรือองค์กร NGO ต่างเรียกร้องและพร้อมให้การต้อนรับกับสินค้าในลักษณะนี้มาสักระยะหนึ่งแล้ว สิ่งที่ไม่พร้อมคือระบบ ตลอดจนกรอบทางความคิดของผู้มีอำนาจทางกฎหมาย ข้อจำกัดประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมที่ภาครัฐบาลมองเห็นต่างจากภาคผู้บริโภคและองค์กร NGO เช่น วิสัยทัศน์ของผู้นำประเทศที่มีต่อเรื่องของ สิ่งแวดล้อมและผลิตภัณฑ์ทางด้าน Green ไม่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน ไม่สนับสนุนให้เกิดการลงทุนด้านอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและผลิตภัณฑ์ Green โครงสร้างทางภาษี หรือสิ่งแวดล้อม ไม่มีมาตรการที่ชัดเจนเกี่ยวกับธุรกิจ Green
.
โมเดลการพัฒนาผลิตภัณฑ์ “CHEWW.CO”
1.) มุ่งปณิธานสิ่งแวดล้อมมากกว่าเป้าหมายทางธุรกิจ
2.) ต้องการให้สินค้า Green เกิดขึ้นอยู่รอดได้จริงในสังคมทุนนิยม
3.) เป็นสินค้าที่ใช้ความรู้ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ มาสร้างนวัตกรรมยาสีฟันให้ลดการใช้น้ำ และลดการเกิดขยะพลาสติก
4.) ส่งเสริมให้ซื้อ refill โดยใส่ถุงกระดาษเป็นบรรจุภัณฑ์เมื่อซื้อครั้งที่ 2 ตลอดจนส่งเสริมช่องทางขายร้านขายสินค้าจำพวก green ที่นำภาชนะมาตักซื้อ เพื่อลดขยะด้านบรรจุภัณฑ์
.
.