หลายคนคงจะเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “ให้เงินทำงานแทนเรา” หรือคำว่า “ให้เงินต่อเงิน” ซึ่งก็จัดว่าเป็นความฝันของมนุษย์เงินเดือน ทั้งยังเป็นแนวทางที่หลายคนพยายามทำเพื่อมีสถานะทางการเงินที่ตอบโจทย์ตัวเองมากที่สุด ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และ “การลงทุน” ก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ยังคงได้รับความสนใจอยู่ไม่น้อย ประจวบกับในปัจจุบัน เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนเปลี่ยนทัศน ความเชื่อ และการใช้ชีวิตให้ไม่เหมือนเดิม “การลงทุน” ที่แต่ก่อนเคยเป็นเรื่องไกลตัว ก็ไม่ได้ไกลตัวเราอีกต่อไปแล้ว
เพราะในอดีตเมื่อพูดถึงการลงทุน ก็มักจะนึกถึงบรรดานักลงทุนกระเป๋าหนัก นักธุรกิจ ที่มีเงินเย็น (เงินที่ไม่ต้องรีบใช้) จำนวนมากๆ หลักหมื่น ไปจนถึงหลายสิบล้าน ที่พร้อมทุ่มลงทุนกับโอกาสที่เข้ามาในขณะนั้น แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามาผสมผสานกับระบบการเงิน จนกลายเป็น FinTech ที่ให้บริการด้านการเงินการลงทุนที่เข้าถึงได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำ มีการลงทุนตั้งแต่หลักบาท หลักร้อย ทำให้ไม่ว่าใครก็สามารถเข้าถึงความมั่งคั่งได้ด้วยตัวเอง และมีแหล่งข้อมูลด้านการเงิน การลงทุน การบริการจัดการเงินที่เข้าถึงได้ง่ายแบบฟรีๆ พร้อมผู้เชี่ยวชาญที่จะให้คำปรึกษาเคียงข้างเรายามที่ต้องการข้อมูลการลงทุน
แม้การลงทุนจะทำได้ง่ายกว่าที่เคย แต่สำหรับมนุษย์เงินเดือนแล้วนั้น อุปสรรคใหญ่ที่หลายคนต้องเจอ คือวงจรการใช้เงินแบบ “รายจ่ายมากกว่ารายรับ” “เดือนชนเดือน” “หนี้ใหม่โปะหนี้เก่า” ซึ่งทำให้ไม่มีเงินเหลือสำหรับเก็บ และเริ่มต้นลงทุน เมื่อสั่งสมพอกพูนเข้าเรื่อยๆ จึงพาลให้ไม่สามารถที่จะมีกำลังใจที่จะเริ่มต้นลงทุนครั้งแรก โดยในวันนี้ เราจะขอพาไปรู้จักกับ “กองทุนรวม” ซึ่งเหมาะกับผู้เริ่มต้นใหม่ที่อยากจะเริ่มลงทุน แต่ยังไม่มีความรู้ หรือประสบการณ์มากพอในยุทธจักรที่ดุเดือดเช่นนี้ การมีโรงเรียนให้เราฝึกปรือการลงทุนก็นับว่า เป็นเสมือนสถานที่บ่มเพาะประสบการณ์ เพื่อการเติบโตในอนาคตอย่างมั่นคง
.
กองทุนรวม คืออะไร มีจุดเด่น จุดด้อยอย่างไร และเหมาะกับใครบ้าง
ลักษณะการลงทุนในกองทุนรวม คือการนำเงินของเราไปลงทุนในกองทุนที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ตั้งขึ้น เพื่อให้นำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์แต่ละชนิด ตามนโยบายของกองทุนนั้นๆ ที่ระบุเอาไว้ในจุดประสงค์แรกเริ่ม ภายใต้การบริหารของผู้จัดการกองทุน โดยจะสร้างผลตอบแทนในรูปแบบของส่วนต่างกำไรและเงินปันผล ตามอัตราส่วนที่ได้ตกลงกันไว้
ความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนจะได้รับจะแตกต่างกันออกไปตามรูปแบบการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ซึ่งการเลือกรูปแบบกองทุนจะแตกต่างกันออกไปตามความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนแต่ละคนรับได้ โดยมีตั้งแต่ กองทุนความเสี่ยงต่ำ โดยจะมีเกณฑ์ชี้วัดเป็น ความเสี่ยงระดับ 1 ไปจนถึงความเสี่ยงสูงมาก ซึ่งจะมีเกณฑ์ความเสี่ยงระดับ 8+ ขึ้นไป
สำหรับการลงทุนในกองทุนรวม สามารถทยอยสะสมเงินได้ขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 500 บาท โดยบางกองทุนสามารถซื้อได้ในราคาเริ่มตั้งแต่ 1 บาทก็มีเลือกซื้อหากันได้แล้ว ขึ้นอยู่กับนโบายการลงทุนของแต่ละกองทุน ตามแต่ละ บลจ. โดยผู้ลงทุนสามารถปรับสัดส่วนเงินลงทุนแต่ละเดือนเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย และกำลังทรัพย์ของตนเองได้ตลอดเวลา
ในส่วนของข้อดีของการลงทุนแบบ “กองทุนรวม”
– มีมืออาชีพคอยบริหาร ช่วยจัดการกองทุนให้เป็นไปตามนโยบาย
– กระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุน
– มีนโยบายการลงทุนที่หลากหลาย สามารถเลือกตามความเสี่ยงที่เหมาะกับตัวเองได้
– มีสภาพคล่องสูง สามารถขายคืนหน่วยลงทุนเป็นเงินสดได้ง่าย
– ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เฉพาะประเภท SSF และ RMF
ข้อควรระวังหากต้องการลงทุนกองทุนรวม
– ผู้ลงทุนขาดความรู้เรื่องการลงทุน ทำให้การลงทุนไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ไม่สอดคล้องกับ- – ความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้
– ผลตอบแทนที่ไม่แน่นอน เนื่องจากมีปัจจัยจากสภาวะตลาด ระบบเศรษฐกิจ ระบบการเงินของประเทศ อารมณ์ของนักลงทุนในตลาดต่างประเทศ ฯลฯ
– มีความผันผวนของผลการดำเนินงาน (standard deviation)
– ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน เป็นความเสี่ยงต้องคำนึงถึงเมื่อลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ หรือกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนในต่างประเทศ
– การขาดสภาพคล่องในการซื้อขาย สำหรับกองทุนที่มีเงื่อนไขเรื่องระยะเวลาในการถือครอง
อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ผลตอบแทนกองทุนรวมตลาดเงิน กองทุนรวมตราสารหนี้ ฯลฯ อาจน้อยกว่าราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น
การลงทุนในกองทุนรวม เหมาะสำหรับคนประเภทไหน
– คนที่ยังต้องการผู้เชี่ยวชาญช่วยดูแลการลงทุน
– คนที่ไม่มีเวลาติดตามตลาดตลอดเวลา
– คนที่เริ่มต้นลงทุนใหม่ๆ
จัดอันดับกองทุนผลตอบแทนสูง ในงบไม่เกิน 1,000 บาท
1. KT-ENERGY / KTAM
ผลตอบแทน 20.24% ค่าความเสี่ยง 7
ลงทุนครั้งแรกขั้นต่ำ 1,000 บาท
2. K-OIL / KASSET
ผลตอบแทน 14.59% ค่าความเสี่ยง 8
ลงทุนครั้งแรกขั้นต่ำ 500 บาท
3. TMBOIL / TMBAM
ผลตอบแทน 14.33% ค่าความเสี่ยง 8
ลงทุนครั้งแรกขั้นต่ำ 1 บาท
4. KT-OIL / KTAM
ผลตอบแทน 14.12% ค่าความเสี่ยง 8
ลงทุนครั้งแรกขั้นต่ำ 1,000 บาท
5. SCBOIL / SCBAM
ผลตอบแทน 13.91% ค่าความเสี่ยง 8
ลงทุนครั้งแรกขั้นต่ำ 1 บาท
6. TISCOOIL / TISCOAM
ผลตอบแทน 13.64% ค่าความเสี่ยง 8
ลงทุนครั้งแรกขั้นต่ำ 1,000 บาท
7. TUSOIL / TISCOAM
ผลตอบแทน 12.66% ค่าความเสี่ยง 8
ลงทุนครั้งแรกขั้นต่ำ 1,000 บาท
8. SCBBANKING / SCBAM
ผลตอบแทน 9.45% ค่าความเสี่ยง 7
ลงทุนครั้งแรกขั้นต่ำ 1,000 บาท
9. K-BANKING / KASSET
ผลตอบแทน 9.33% ค่าความเสี่ยง 7
ลงทุนครั้งแรกขั้นต่ำ 500 บาท
10. KT-PRECIOUS / KTAM
ผลตอบแทน 8.90% ค่าความเสี่ยง 7
ลงทุนครั้งแรกขั้นต่ำ 1,000 บาท
.
** ข้อมูลผลตอบแทนย้อนหลัง 1 เดือน อ้างอิงตัวเลขจากเว็บไซต์ Finnomena ณ วันที่ 20 ต.ค. 64