อุตสาหกรรมส่งออกที่สร้างรายได้ให้แก่คนไทยมากที่สุดในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นกลุ่มสินค้าดาวเด่นที่ไทยมีส่วนแบ่งตลาดในตลาดโลกมาก และการส่งออกยังมีอัตราขยายตัวดีต่อเนื่อง ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากธัญพืช อาหารสัตว์ เครื่องปรุงรส อาหารจำพวกเส้น
ประกอบกับกลุ่มสินค้าเติบโต ซึ่งการส่งออกมีอัตราขยายตัวดี แต่ยังมีส่วนแบ่งตลาดน้อย อาทิ เนื้อสัตว์และอาหารปรุงแต่งจากเนื้อสัตว์ เครื่องดื่ม นมและผลิตภัณฑ์จากนม ฯลฯ
ขณะเดียวกัน มีบางกลุ่มสินค้าที่ผู้ประกอบการต้องเร่งพัฒนาสินค้าให้ไทยกลับมามีอัตราขยายตัวดีต่อเนื่องอีกครั้ง ซึ่งมีคำแนะนำให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมฯ ติดตามเทรนด์ของอาหาร โดยเฉพาะเทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ และการผลิตใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค.ได้ศึกษาอุตสาหกรรมส่งออกที่สร้างรายได้ให้กับคนไทย
โดยผลการศึกษา พบว่า อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มยังคงเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้แก่คนไทยอย่างแท้จริงมากที่สุด บ่งชี้จากสัดส่วนของมูลค่าส่งออกที่มาจากบริษัทของคนไทยต่อมูลค่าส่งออกทั้งหมดของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มที่สูงถึง
ร้อยละ 73 อีกทั้งมีสัดส่วนการใช้วัตถุดิบภายในประเทศมากถึงร้อยละ 81 ทั้งนี้ ในปี 2563 ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศได้กว่า 20,505 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 8 เดือนแรกของปี 2564 สร้างรายได้เข้าสู่ประเทศเป็นมูลค่า 14,047 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ สนค. ได้ทำการวิเคราะห์สถานะของสินค้าไทยในตลาดโลกภายใต้อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม พบว่า สามารถแบ่งกลุ่มสินค้าศักยภาพ ได้เป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก คือ กลุ่มสินค้าที่ไทยมีส่วนแบ่งตลาดในตลาดโลกมาก และการส่งออกมีอัตราขยายตัวดีต่อเนื่อง หรือกลุ่มดาวเด่น ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากธัญพืช อาหารสัตว์ เครื่องปรุงรส และสินค้าอาหารจำพวกเส้น และกลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มสินค้าที่การส่งออกมีอัตราขยายตัวดี แต่ยังมีส่วนแบ่งตลาดน้อยในตลาดโลก
ซึ่ง สนค. มองว่า เป็นสินค้ากลุ่มเติบโต จึงเป็นโอกาสที่จะผลักดันการส่งออกมากขึ้นเพื่อเพิ่มรายได้ โดยภาครัฐอาจสนับสนุนผู้ประกอบการด้วยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการรับรู้สินค้าไทยของผู้บริโภคในตลาดส่งออกให้มากขึ้น ได้แก่ เนื้อสัตว์และอาหารปรุงแต่งจากเนื้อสัตว์ เครื่องดื่ม ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ นมและผลิตภัณฑ์นม อาหารปรุงแต่ง ขนมปังและเบเกอรี่ และสิ่งปรุงแต่ง ขนมทำจากน้ำตาล และไอศกรีม
ขณะเดียวกัน มีบางกลุ่มสินค้าที่ สนค. พบว่า การส่งออกของสินค้าไทยมีอัตราขยายตัวลดลง หรือมีอัตราหดตัว เมื่อเทียบกับในอดีตที่มีการขยายตัวต่อเนื่อง ได้แก่ สินค้าผัก ผลไม้กระป๋องและแปรรูป สินค้าอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป สินค้าน้ำตาล และสินค้าชา ซึ่งผู้ประกอบการจำเป็นต้องลงทุนพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง โดยบางสินค้าอาจมีการอิ่มตัวในตลาดเดิม จำเป็นต้องขยายตลาดใหม่ๆ ที่ยังมีแนวโน้มเติบโตของการนำเข้า และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย
นายรณรงค์ฯ กล่าวเสริมว่า การพัฒนาสินค้าในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อให้สินค้าไทยยังสามารถครองส่วนแบ่งตลาด และมีอัตราขยายตัวของการส่งออกที่ดีต่อเนื่อง ผู้ประกอบการจำเป็นต้องติดตามเทรนด์ของอาหารและเครื่องดื่มที่เปลี่ยนแปลงตามพฤติกรรมผู้บริโภค โดยเฉพาะพฤติกรรมหลังจากเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญต่ออาหารและเครื่องดื่มที่ส่งเสริมให้มีสุขภาพที่ดี การผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้วัตถุดิบที่ปลอดภัยจากสารเคมี รวมถึงการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดมลพิษน้อยที่สุด
ทั้งนี้ สนค. มองว่า เทรนด์อาหารอนาคต (future food) จะยังคงเป็นกระแสระยะยาว ได้แก่ อาหารออร์แกนิก อาหารและเครื่องดื่มสุขภาพ (functional food and drink) อาหาร
ทางการแพทย์ที่ไม่ใช่ยาและอาหารเสริม อาหารนวัตกรรมใหม่ (novel food)
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มสินค้าอาหารที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้นโยบายส่งเสริมการส่งออกไว้ด้วย เนื่องจากมีกลุ่มผู้บริโภคจำนวนมาก และคาดว่าจะสร้างรายได้เพิ่มเติมเข้าสู่ประเทศได้อีกมาก คือ อาหารฮาลาล และอาหารมังสวิรัติ (รวมถึง plant-based food)
ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถอ่านรายงานศึกษา เรื่อง “อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งการส่งออกสร้างรายได้เข้าประเทศอย่างแท้จริง” ได้ที่เว็บไซต์สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ผ่านลิงก์ : http://www.tpso.moc.go.th/sites/default/files/phlkaarsueksaautsaakhrrmaahaaraelaekhruuengduuem.pdf
.