จากการที่ นพ.กิตติ โล่สุวรรณรักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันกัญชาทางการแพทย์ ได้ออกมาเปิดเผยถึงความคืบหน้า เกี่ยวกับกฎหมายการคลายล็อกกัญชา ตาม ร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดฉบับใหม่ ที่กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ในสัปดาห์หน้า
เรื่องจาก พ.ร.บ. ยาเสพติด ฉบับที่ 7 กำลังหมดสิ้นสภาพในวันที่ 9 ธ.ค.64 นี้ โดยคาดว่าจะมีประกาศกฎกระทรวงสาธารศุขเกี่ยวกับกัญชาฉบับใหม่ตามมา
คาดว่าเมื่อประกาศกระทรวงดังกล่าวมีผลบังคับใช้แล้ว จะทำให้บุคคธรรมดา หรือ นิติบุคคล สามารถร่วมกับผู้อนุญาตผลิตยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณ และผลิตภัณฑ์สมุนไพร สามารถ “ขออนุญาตปลูกกัญชาทางการแพทย์”ได้โดยไม่ต้องรวมตัวเป็นวิสาหกิจชุมชน
ส่วนประเด็นการปลูกกัญชา 6 ต้นเพื่อสันทนาการ นั้น จะต้องมาศึกษารายละเอียดของกฎหมายอีกครั้ง โดยเฉพาะในมาตรา 55 ที่ระบุถึง พื้นที่พิเศษ ตามประกาศพระราชกฤษฎีกาให้เป็นพื้นที่พิเศษ สามารถทดลองใช้กัญชาคล้ายโมเดลต่างประเทศ
การพิจารณาออกกฎหมายดังกล่าว นับเป็นก้าวใหม่ที่จะช่วยปลดล็อกการขออนุญาตปลูกกัญชา ซึ่งที่มาผ่านมายุ่งยากและทำให้เกษตรกร หรือผู้ประกอบการรายย่อยเข้าไม่ถึง แต่เมื่อมีแหล่งรับซื้อที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว เรื่องปลูกก็จะทำได้ง่ายขึ้น โดยเน้นที่การปลูกเพื่อใชทางการแพทย์
ล่าสุด ภก.พงษ์ศักดิ์ สง่าศรี อดีตอาจารย์คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้ออกมากล่าวถึงประโยชน์ของสาร THC ของกัญชา และกัญชง เพิ่มเติมจากเดิมที่มีการวิจัยเรื่องของการใช้รักษามะเร็ง และ สาร CBD ในการรักษาผู้ป่วยต้อหิน ว่า สาร THC เองก็เป็นประโยชน์ ช่วยลดความดันในลูกตา ซึ่งในการรักษาผู้ป่วยต้อหิน ไม่ให้ผู้ป่วยต้องตาบอดได้เช่นกัน
โดยโรคต้อหิน ดังกล่าวเป็นสาเหตุอันดับ 2 ให้คนทั่วโลกตาบอด ปัจจุบันมีคนทั่วโลกตาบอดเพราะต้อหินแล้วกว่า 10 ล้านคน
เห็นอย่างนี้แล้วหากมีการคลายล็อกกฎหมายกัญชา โยนคำว่า “กัญชา” ที่เป็นพืชยาเสพติดทิ้งไป จะทำให้ผู้ป่วยในโรคเหล่านี้ได้เข้าถึงการรักษาอีกเป็นจำนวนมาก