หลังจากมีการพบเนื้อสุกรจำนวน 200,000 ตัน ในโรงงานที่จังหวัดสงขลา จนเกิดคำถามตามมาว่าเข้าข่ายการกักตุนสินค้าหรือไม่
ล่าสุด บริษัท เบทาโกร จำกัด(มหาชน) ออกหนังสือชี้แจง เรื่องการตรวจสอบห้องเย็นกรณีอาจมีการกักตุนสินค้าประเภทเนื้อสุกรในจังหวัดสงขลา โดยระบุว่า
จากกรณีที่ปรากฏรายงานข่าวการเข้าตรวจสอบบริษัทห้องเย็นแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา และพบว่า มีการเก็บรักษาเนื้อสุกรจากบริษัท เบทาโกร เกษตรอุตสาหกรรม พัทลุง จำนวน 201,650 กิโลกรัมในห้องเย็นดังกล่าวนั้น บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่า การจัดเก็บรักษาเนื้อสุกรของบริษัท เบทาโกร เกษตรอุตสาหกรรม พัทลุง และสาขา
ในกลุ่มในบริษัทห้องเย็นตามที่ระบุในรายงานข่าว เป็นการจัดการสินค้าคงคลังตามแนวทางการปฏิบัติโดยปกติ ภายใต้มาตรฐานการจัดส่งสินค้า เพื่อการสำรองสินค้ารองรับการจัดส่ง 5-7 วันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สินค้ามีความสดใหม่จนถึงมือผู้บริโภค โดยครอบคลุมพื้นที่จัดส่งในภาคใต้ตอนล่างมากกว่า 8 จังหวัด
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มีการแจ้งข้อมูลปริมาณเนื้อสุกรทั้งหมดที่เก็บในห้องเย็นนั้นต่อกระทรวงพาณิชย์ให้รับทราบล่วงหน้า ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 17 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา จำนวน 211,361 กิโลกรัม ซึ่งเป็นไปตามมติของที่ประชุมคณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ครั้งที่ 1/2565 ที่ระบุให้ “ผู้เลี้ยงที่มีปริมาณการเลี้ยงเกิน 500 ตัว ผู้ค้าส่ง ที่มีปริมาณเกิน 500 ตัว ห้องเย็นที่มีการเก็บสต๊อกเกิน 5,000 กิโลกรัม ขึ้นไป ให้ดำเนินการแจ้งสต๊อกให้กรมการค้าภายในรับทราบ รวมทั้งแจ้งราคาในทุก 7 วัน โดยเริ่มวันที่ 10 มกราคม 2565 เป็นต้นไป
บริษัทฯ ขอยืนยันว่า การจัดการสต๊อกดังกล่าวเป็นการจัดการสินค้าคงคลังตามแนวทางปฏิบัติโดยปกติ มิใช่การกักเก็บสินค้าเป็นเวลานาน เพื่อเป้าหมายด้านราคาที่สูงขึ้นแต่ประการใด บริษัทฯ พร้อมให้ความร่วมมือในการกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ ครอบคลุมถึงการจัดการสินค้าคงคลังและการรายงานแจ้งจำนวนสต๊อกตามข้อกำหนดโดยเคร่งครัด
อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสอหิวาต์แอฟริกาในสุกรในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลต่อปริมาณสุกรและระดับราคาที่เพิ่มขึ้น บริษัทฯ ตระหนักถึงความกังวลใจของผู้บริโภคต่อกรณีดังกล่าวเป็นอย่างดี จึงได้ยกระดับมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง โดยได้รับการรับรองตามมาตรฐานของกรมปศุสัตว์อย่างถูกต้องครบถ้วน รวมถึงได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน ของผู้บริโภค
โดยการผสานความร่วมมือกับภาครัฐและทุกภาคส่วน ในการสนับสนุนผลิตภัณฑ์หมูปลอดภัย ในราคาที่เป็นธรรมให้กับประชาชน ในโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน โดยการจำหน่ายหมูสดในราคากิโลกรัมละ 150 บาท ณ จุดจำหน่ายในโครงการ 667 แห่งทั่วประเทศ
เครือเบทาโกร ยึดมั่นในเจตนารมณ์ทางธุรกิจที่ดี มีบรรษัทภิบาล พร้อมให้ข้อมูลที่ถูกต้องและสื่อสารสร้างความเข้าใจร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ตลอดจนองค์กรต่างๆ ในฐานะบริษัทชั้นนำด้านผลิตภัณฑ์อาหารสดและแปรรูปที่ปลอดภัย เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตดีของผู้บริโภคอย่างยั่งยืน