ภาษีคนละครึ่ง ทำอย่างไรไม่ให้เสียแพง


ภาวะเศรษฐกิจที่ยอบแยบ ย่ำแย่ ลงทุกวัน เป็นเรื่องที่พ่อค้าแม่ขาย ผู้ประกอบการรายเล็กรายน้อยปวดขมับอยู่แล้ว วันนี้เมื่อเข้าสู่ช่วงต้องยื่นแบบเสียภาษี (ภ.ง.ด.90) ก็ยิ่งปวดหัวขึ้นไปอีก โดยเฉพาะคนที่เข้าโครงการคนละครึ่ง เพราะพ่อค้าแม่ขายส่วนใหญ่ไม่เคยเข้าระบบภาษีมาก่อน

ตามเกณฑ์พ่อค้าแม่ขายที่มีรายได้ เกิน 60,000 บาทต่อปี (คนโสด) และหากรวมคู่สมรสเกิน 120,000 บาทต่อปี มีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงภาษี

ความจริงต้องบอกว่า พ่อค้าแม่ขายต่างดีใจที่รัฐบาลทำโครงการคนละครึ่งออกมา เพื่อช่วยกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภค ทำให้พวกเขาขายดีขึ้นในยามที่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากโควิด และอาจพอจะรู้อยู่บ้างว่าเมื่อเข้าโครงการแล้ว ต้องเสียภาษีหากรายได้ถึงเกณฑ์

และต้องยอมรับความจริงอีกอย่างว่า พ่อค้าแม่ขายเหล่านั้นไม่มีความรู้เรื่องภาษี เมื่อถึงเวลาต้องยื่นแบบภาษี คราวนี้ก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ เนื่องจากไม่เคยมีการเตรียมตัวกันมาก่อน และอาจต้องเสียภาษีเป็นเงินก้อนใหญ่ก็เป็นได้ ซึ่งระหว่างนี้เริ่มมีข่าวพ่อค้าแม่ค้าออกมาเรียกร้องขอความช่วยเหลือกันบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่มีเสียตอบรับจากหน่วยงานต่างๆ ว่าจะให้ความช่วยเหลืออย่างไรหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ด้วยภาวะถังแตกของรัฐบาล เชื่อว่าการจัดเก็บภาษีจากผู้เข้าโครงการคนละครึ่ง ยังคงมีอยู่ต่อไป หากจะมีอะไรออกมาช่วยเหลือ คงต้องออกมาก่อนช่วงนี้แล้ว
สำหรับสิ่งที่เป็นปัญหากับพ่อค้าแม่ขาย ที่เข้าโครงการคนละครึ่งในวันนี้ พอสรุปได้เป็นข้อๆ ประกอบด้วย

1. พวกเขาไม่ได้ทำบัญชีรายรับรายจ่ายไว้ หรืออาจทำแต่ไม่ละเอียด

เมื่อไม่ได้ทำบัญชีอย่างละเอียด ก็อาจทำให้การประเมินภาษีนั้นสูงขึ้นจากที่ควรจะเป็น (กรณีบันทึกรายจ่ายต่ำกว่าความเป็นจริง)

2. พวกเขาไม่ได้เก็บหลักฐานใบเสร็จค่าใช้จ่ายไว้เป็นหลักฐาน

การบันทึกบัญชีจะต้องมีการจัดเก็บใบเสร็จค่าใช้จ่ายไว้เป็นหลักฐาน หากไม่มีก็ไม่สามารถถูกนำมาเป็นรายจ่ายได้ ซึ่งต้องวิเคราะห์ต่อไปว่า จะเลือกประเมินแบบเหมา 60 % หรือไม่ โดยปกติการเหมาจ่ายจะเสียภาษีสูงกว่าแบบประเมินตามความจริง

3. พวกเขาใช้บัญชีธนาคารเดียว ทั้งทำการค้าและบัญชีส่วนตัว

พ่อค้าแม่ค้า จำนวนมากใช้บัญชีธนาคารในการรับเงินจากการขายสินค้าหรือบริการ ร่วมกับการทำธุรกรรมอื่นๆ หากมีเงินโอนเข้ามาโดยไม่เกี่ยวกับการค้าขาย ก็จะถูกรวมเป็นรายได้ด้วย ซึ่งการชี้แจงอาจเป็นเรื่องยุ่งยาก

4. พวกเขาไม่ได้วางแผนภาษีไว้ก่อนล่วงหน้า จึงหักค่าลดหย่อนได้น้อย

ข้อนี้ ดังที่กล่าวข้างต้น คือ เมื่อพวกเขาไม่มีความรู้ด้านภาษี ก็จะไม่มีการวางแผนภาษีไว้ก่อนล่วงหน้า

อย่างไรก็ตาม เหลือเวลาอีกไม่มาก ที่บรรดาพ่อค้าแม่ขาย จะเตรียมตัวเพื่อยื่นแบบภาษีปี 2564 ภายในเดือน มี.ค. 2565 ดังนั้นช่วงนี้ควรแก้ไขหรือปรับปรุงบัญชี จัดแจงเอกสาร รวบรวมหลักฐานค่าใช้จ่าย เท่าที่จะทำได้ และควรปรับปรุงการทำบัญชี และวางแผนภาษีไว้ล่วงหน้า เพื่อรับการยื่นแบบภาษีในปีต่อไป

ส่วนภาครัฐ ก็ควรให้ความรู้แก่บรรดาพ่อค้าแม่ขาย เรื่องภาษีมากกว่านี้ เพื่อช่วยลดภาระให้กับพวกเขา เพราะพื้นฐานแล้ว เชื่อทุกคนพร้อมที่จะทำหน้าที่พลเมืองที่ดี แต่ภาครัฐก็ควรทำหน้าที่อำนวยสะดวกให้เขาเป็นพลเมืองดีด้วย