สหรัฐประกาศคว่ำบาตรทางการเงินรัสเซีย หลังสั่งบุกยูเครน


ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนเริ่มส่งผลกระทบตามมาให้เห็นภาพอย่างชัดเจน หลังจากวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้เซ็นรับรองเอกราชให้แคว้นโดเนตสก์ และลูฮันสก์ ซึ่งตั้งอยู่ในยูเครน นำมาซึ่งความไม่พอใจให้กับหลายฝ่าย ไม่เพียงเท่านั้น ปูตินยังสั่งการให้ทหารเข้าไปยังภูมิภาคตะวันออกของยูเครน

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนนำมาไปสู่การปะทะของทั้งสองประเทศ ทำให้ประเทศต่าง ๆ เรียงหน้าเริ่มออกมาคว่ำบาตรรัสเซีย เช่นเดียวกับ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรทางการเงินต่อรัสเซีย โดยมุ่งเน้นไปที่สองธนาคารยักษ์ใหญ่ คือ ธนาคาร VEB และธนาคาร PSB ซึ่งรายหลังนี้เป็นธนาคารที่อยู่ในการควบคุมดูแลของกองทัพรัสเซีย นั่นหมายความว่าทั้งสองธนาคารจะไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินในรูปแบบของสกุลเงินดอลลาร์ได้

ไบเดน มองว่ารัสเซียได้กระทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศ และเป็นผู้เปิดศึกนำกำลังทหารบุกเข้าไปในยูเครน เพื่อยึดครองดินแดนให้มากขึ้นกว่าเดิม โดยมาตรการคว่ำบาตรที่ออกมาของสหรัฐฯ สอดคล้องกับมติของประเทศสมาชิกในสหภาพยุโรป 27 ประเทศ ที่ลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัสเซียที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ยูเครนในขณะนี้ และสหรัฐฯ จะคว่ำบาตรชนชั้นสูงของยูเครนอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนระหว่างรัสเซียกับยูเครนเริ่มส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นในรอบ 7 ปี โดยเมื่อวันที่ 22 ก.พ. ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ของอังกฤษมีราคาสูงถึง 97.76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งต้องไม่ลืมว่าอังกฤษก็เป็นอีกหนึ่งชาติที่ประกาศคว่ำบาตรรัสเซีย และรัสเซียเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก รวมถึงก๊าซธรรมชาติ