รู้จัก “ฉลากเขียว” เครื่องหมายช่วยสะท้อนความยั่งยืนของแบรนด์ต่อสิ่งแวดล้อม
ฉลากเขียวของประเทศไทย ริเริ่มขึ้นโดยองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Thailand Business Council for Sustainable Development, TBCSD)
เป็นที่ทราบกันดีว่าช่วงนี้ราคาน้ำมันยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าเมื่อก่อนมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ขับรถยนต์ที่ต้องควักเงินมากขึ้นกว่าเดิมในการเติมน้ำมันแต่ละครั้ง
จากวิกฤตพลังงานที่กำลังเกิดขึ้นในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน ดังนั้น
1.ควรใช้ความเร็วคงที่ประมาณ 80 – 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เนื่องจากช่วงความเร็วนี้ทำให้เครื่องยนต์มีประสิทธิภาพในการเผาผลาญเชื้อเพลิงได้ดีที่สุด ทั้งนี้ ควรใช้เกียร์ที่เหมาะสมเพื่อมิให้รอบเครื่องยนต์สูงเกินไป
2. ไม่ควรเบิ้ล กระชาก ลากเครื่องยนต์
เนื่องจากการเร่งเครื่อง การเหยียบคันเร่งจนมิด จะทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงถูกฉีดเข้าห้องเผาไหม้มากยิ่งขึ้น นอกจากสิ้นเปลืองแล้ว น้ำมันเชื้อเพลิงส่วนเกินจะทำให้เกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์เกิดเป็นมลพิษ หรือในกรณีเครื่องยนต์ดีเซลก็จะทำให้เกิดควันดำ เพิ่มปริมาณฝุ่น PM2.5 ในอากาศอีกด้วย ดังนั้น การค่อย ๆ เหยียบคันเร่ง ขับรถให้นิ่มนวล ใช้ความเร็วสม่ำเสมอจะช่วยประหยัดน้ำมันทันทีตั้งแต่ช่วงที่ออกตัว
3.ไม่ควรเร่งรถหรือเบรกกะทันหัน
การเร่งความเร็วบ่อยครั้งและเบรกอย่างหนักเป็นการกระตุ้นให้เครื่องยนต์ทำงานหนักโดยไม่จำเป็น เพิ่มอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน ทั้งยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทั้งคนขับรถและผู้ใช้รถใช้ถนนอีกด้วย ดังนั้น ผู้ขับจะต้องหมั่นคาดการณ์สภาพจราจรด้านหน้าและรอบข้างตลอดเวลาที่ขับรถ เมื่อรถข้างหน้าหยุดหรือมีสิ่งกีดขวาง ควรค่อย ๆ ชะลอความเร็วก่อนหยุด และเมื่อสภาพการจราจรด้านหน้าสะดวกจึงค่อยๆ เร่งความเร็วรถอย่างต่อเนื่อง การขับลักษณะนี้ นอกจากจะช่วยประหยัดน้ำมันแล้ว ยังจะช่วยรักษาสภาพเครื่องยนต์ ล้อยาง และผ้าเบรกให้สึกหรอน้อยลงอีกด้วย
4.เติมลมยางตามกำหนดที่คู่มือรถแนะนำ
การเติมลมยางจะช่วยลดการเผาผลาญน้ำมัน เพราะหากลมยางอ่อนเกินไปจะทำให้หน้ายางบดกับพื้นถนนและเกิดแรงต้านมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานหนักโดยไม่จำเป็น และสิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่าปกติ อย่างไรก็ตาม การเติมลมยางแข็งเกินไปแม้ว่าจะช่วยลดแรงต้านของยาง แต่จะทำให้การยึดเกาะถนนน้อยลง ดังนั้น จึงควรเติมลมยางตามที่คู่มือกำหนดและหมั่นตรวจเช็กลมยางด้วย
5.บรรทุกสัมภาระเท่าที่จำเป็น
การบรรทุกน้ำหนักมากจะส่งผลต่อการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงของรถ ดังนั้น หากมีสัมภาระที่ไม่จำเป็นก็ควรจะนำออกจากรถซึ่งนอกจากจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันน้อยลงแล้วยังทำให้รถสะอาดเรียบร้อยอีกด้วย
ที่มา: กรมขนส่งทางบก