ชาวญี่ปุ่นยอมอดอาหารมื้อเที่ยงเพื่อประหยัดเงิน เพราะกลัวไม่มีใช้หลังเกษียณ


ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญกับสภาวะเงินเฟ้ออย่างหนักทำให้ราคาสินค้า อาหาร ตลอดจนข้าวของเครื่องใช้ที่ทยอยปรับราคาสูงขึ้นจนผลกระทบต่อค่าครองชีพของผู้คนที่ต้องควักเงินซื้อของเพิ่ม ไม่เว้นแม้กระทั่งประเทศญี่ปุ่นที่มีผลสำรวจออกมาว่า ร้อยละ 30 ของคนทำงานยอมไม่กินอาหารมื้อเที่ยงเพื่อประหยัดเงิน

ผลการสำรวจของ Edenred Japan Co ซึ่งให้บริการช่วยเหลือด้านอาหาร ได้เก็บกลุ่มตัวอย่างคนทำงานอายุระหว่าง 20-50 ปี ทั่วประเทศจำนวน 600 ราย โดยผลการสำรวจชี้ให้เห็นว่ามีผู้ไม่รับประทานอาหารกลางวัน คิดเป็นร้อยละ 29.5 โดยร้อยละ 56.5 กล่าวว่า “ตนไม่กินอาหารกลางวันอย่างน้อย 1 ครั้ง/สัปดาห์” ขณะที่ร้อยละ 28.2 ตอบว่า “2-3 ครั้ง/สัปดาห์” ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 15.3 บอกว่า “4 ครั้ง/สัปดาห์ หรือมากกว่านั้น”

เหตุผลของการไม่รับประทานข้าวเที่ยงของคนทำงานญี่ปุ่นนั้นมีวัตถุประสงค์หลัก คือประหยัดเงิน

นอกจากนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 60 กล่าวว่า “ตอนนี้ฉันกินแต่ไข่ปลารสเผ็ด” ขณะที่คนอื่น ๆ บอกว่า “กินแค่น้ำดื่มและขนม”

ตัวแทนของ Edenred Japan ระบุว่าค่าอาหารที่สูงขึ้นทำให้งบประมาณครัวเรือนตึงตัว เป็นผลให้ผู้คนจำนวนมากต้องเริ่มงดอาหารมื้อเที่ยงเพื่อประหยัดเงิน สอดคล้องกับผู้หญิงในโยโกฮามา ที่เผยว่าเธอมักจะนำเบนโตะที่ทำจากอาหารเย็นที่เหลือติดมาทำงานเพื่อประหยัดเงิน แต่หากเธอยุ่งหรือไม่เหลืออะไรก็จะข้ามอาหารมื้อเที่ยง หรือกินข้าวปั้นเพียงลูกเดียว ประมาณ 5 วันต่อเดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เธอจะมองข้ามการรับประทานอาหารมื้อเที่ยงก่อนวันเงินเดือนออก

โดยผู้หญิงคนนี้เริ่มเก็บออมเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว และทำเบนโตะให้ตัวเองกับแฟนของเธอ ซึ่งเหตุผลต้องทำแบบนี้เพราะกังวลเรื่องของอนาคตที่ไม่แน่นอนหลังเกษียณ ดังนั้น จึงต้องออมเงินตั้งแต่ตอนนี้

ทั้งนี้ สถาบันทางการเงินในการกำกับดูแลของรัฐบาลญี่ปุ่นจัดทำรายงานเมื่อปี 2019 แนะนำผู้ที่เริ่มต้นออมเงินว่าจำเป็นต้องมีเงินเก็บประมาณ 20 ล้านเยน

ที่มา:asahi