ปากีสถานขึ้นดอกเบี้ยเป็น 13.75% เพื่อกู้เงินจาก IMF ให้ผ่าน ขณะที่เงินเฟ้อพุ่งสูงเป็นที่ 2 ของเอเชีย


ดูเหมือนว่าวิกฤตด้านเศรษฐกิจตกต่ำกำลังรุกคืบในประเทศที่อยู่ภูมิภาคเอเชียกลาง หลังจากก่อนหน้านี้ ศรีลังกาต้องเผชิญกับสถานการณ์ขาดแคลนพลังงาน ไม่มีเงินซื้อน้ำมันมาใช้ในประเทศจนเกิดการประท้วงจากประชาชน รวมถึงมีการคาดการณ์ว่าอีก 2 เดือนข้างหน้าสถานการณ์จะเลวร้ายลงกว่าเดิมอีก

อีกหนึ่งประเทศที่ต้องตามติด คือปากีสถาน ที่ตอนนี้ธนาคารกลางได้ปรับขึ้นดอกเบี้ย 1.5% เป็น 13.75% ซึ่งเป็นการปรับครั้งที่ 2 ในระยะเวลาไม่ถึง 2 เดือน

ธนาคารกลางให้เหตุผลว่า นโยบายที่ออกมาในครั้งนี้จะช่วยให้อุปสงค์ที่อยู่ในระดับปานกลางก้าวไปสู่ความยั่งยืนมากขึ้น ในขณะที่ยังคงรักษาการคาดการณ์เงินเฟ้อ และมีความเสี่ยงต่อเสถียรภาพภายนอก โดยประเทศกำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ รวมถึงเงินเฟ้อที่มีอัตราสูง, ปริมาณเงินสำรองที่ลดลง และสกุลเงินที่อ่อนค่า

นอกจากนี้ มีการมองว่าอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ปากีสถานต้องเพิ่มอัตราดอกเบี้ยมาจากการที่ได้พูดคุยกับ IMF เพื่อบรรลุข้อตกลงเข้าเงื่อนไขเงินช่วยเหลือในรูปแบบของสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งเจรจาสำเร็จจะทำให้ปากีสถานรับเงินจำนวน 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากแพ็คเกจกู้ภัยมูลค่า 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ตกลงไว้เมื่อปี 2019

ด้าน Miftah Ismail รัฐมนตรีคลังปากีสถาน ซึ่งอยู่ที่โดฮามีแนวโน้มที่จะพูดคุยกับ IMF เพื่อขอถอนเงินที่ได้รับการสนับสนุนในภาคน้ำมัน และพลังงานตามที่ตกลงไว้เมื่อเดือนก่อน

ไม่เพียงเท่านั้น ปัญหาเงินเฟ้อภายในประเทศยังส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ภายในประเทศที่ปรับตัวขึ้นราคา โดยปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อของปากีสถานอยู่ที่ 13% เป็นรองแค่ศรีลังกาที่มีอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 30% และมีการคาดการณ์ว่าค่าเงินรูปีของปากีสถานมีแนวโน้มอ่อนค่าลง

ที่มา: reuters