ลุยต่อมาตรการ “SME ปัง ตังได้คืน” สสว.เดินหน้าปั้นเครือข่าย ยกระดับผู้ให้บริการทางธุรกิจหวังขับเคลื่อน SME


เร่งฟื้นเศรษฐกิจ สสว.พร้อมลุยต่อมาตรการ “SME ปัง ตังได้คืน” ผ่านระบบ BDS เร่งเครื่องยกระดับผู้ให้บริการทางธุรกิจ ขับเคลื่อนผู้ประกอบการ SME ให้เข้าถึงการพัฒนาธุรกิจง่ายขึ้น

สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสวฺ.) เดินหน้าลุยมาตรการ “SME ปัง ตังได้คืน” ภายใต้โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS หรือ Business Development Service อย่างต่อเนื่อง อัดฉีดงบกว่า 400 ล้านบาท ให้เอสเอ็มอีใช้บริการพัฒนาธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ BDS (https://bds.sme.go.th/) ล่าสุดจัดกิจกรรมยกระดับผู้ให้บริการทางธุรกิจ เน้นสร้างเครือข่ายร่วมกัน โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา มีผู้ให้บริการทางธุรกิจเข้าร่วมทั้งออนไลน์และออฟไลน์ทั้งสิ้น 55 หน่วยงานจากทั้งหมด 80 กว่าหน่วยงาน เพื่อร่วมมือกันคิดพัฒนาบริการให้ตรงใจ SME พร้อมขับเคลื่อน SME เข้าสู่มาตรการ “SME ปัง ตังได้คืน” ให้ได้ตามเป้าหมายในปี 65 จำนวน 6,000 ราย

นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสวฺ.) กล่าวว่า “สำหรับโครงการ SME ปัง ตังได้คืน จัดขึ้นเป็นปีแรก จากเดิมที่ผ่านมา สสว. อาจมีมาตรการที่ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME เป็นเรื่อง ๆ หรือด้านใดด้านหนึ่ง เรื่องละ 300 – 400 ราย ซึ่ง สสว. พิจารณาว่าผู้ประกอบอาจมีความต้องการที่แตกต่างกัน เช่น บางรายความต้องการอาจเกินลำดับขึ้นไปแล้ว ดังนั้นมาตรการ SME ปัง ตังได้คืน ผ่านระบบ BDS จึงต้องการให้ SME เป็นผู้เลือกบริการในสิ่งที่ต้องการจริง ๆ เช่น บางรายไม่ได้ต้องการความสนับสนุนในระดับต้น ต้องการไปที่ระดับสี่ระดับห้าเลยเป็นต้น”

ขณะนี้ มีผู้ให้บริการทางธุรกิจที่หลากหลายเข้าร่วม เช่น หน่วยงานที่ให้บริการด้านสิ่งทอ เหล็ก อาหาร ยานยนต์ ไฟฟ้า ฯลฯ ในขณะที่ระบบ BDS มีบริการให้ผู้ประกอบการ SME เลือกในระบบ BDS มากกว่า 100 รายการ ซึ่ง สสว. อยากจะเพิ่มทั้งในส่วนของหน่วยงานให้บริการและประเภทการบริการที่หลากหลายยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายให้ผู้ประกอบการ SME เข้าถึงการพัฒนาธุรกิจของตนเองให้ได้มากที่สุด

“ในบางครั้ง SME อาจมีประเด็นความสนใจในการพัฒนาธุรกิจมากกว่า 1 เรื่อง เช่น มาปรึกษาเรื่องการผลิตอาหาร ขณะเดียวกันก็อยากได้รับความช่วยเหลือในด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ด้วย ดังนั้นถ้าผู้ให้บริการทางธุรกิจ 80 กว่ารายได้ทำความรู้จักกันและสร้างเครือข่ายระหว่างกัน ก็จะสามารถให้คำแนะนำถึงบริการอื่นๆของเครือข่ายให้กับผู้ประกอบการ SME ได้ด้วย ซึ่งน่าจะเป็นระบบการส่งต่อที่ช่วยให้มาตรการ SME ปัง ตังได้คืน ภายใต้ระบบ BDS บรรลุเป้าหมาย 6,000 รายภายในปีนี้ได้” ผอ สสว. กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมในครั้งนี้

สำหรับมาตรการ “SME ปัง ตังได้คืน” มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการ ให้มีโอกาสเข้าถึงบริการสนับสนุนด้านการพัฒนาธุรกิจในรูปแบบใหม่ ซึ่งผู้ประกอบการสามารถเลือกประเภทของบริการที่ตรงกับความต้องการของธุรกิจตัวเองได้ เรียกว่า Business Development Service หรือ BDS โดย สสว. จะอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการพัฒนาให้แก่ผู้ประกอบการ แบบร่วมด้วยช่วยจ่ายในสัดส่วนร้อยละ 50 – 80 ตามขนาดของธุรกิจ สูงสุดถึงรายละ 200,000 บาท มุ่งเน้นการอุดหนุนพัฒนาใน 3 ด้าน คือ การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าและบริการ การพัฒนาช่องทางการจำหน่ายและการตลาด และการพัฒนาการตลาดต่างประเทศ ตัวอย่างบริการที่มีในระบบ BDS เช่น บริการการจัดทำฉลากโภชนาการ บริการเตรียมความพร้อมเพื่อรับรองเครื่องหมายทางเลือกสุขภาพ บริการขออนุญาต อย. และบริการให้คำปรึกษาการจัดทำระบบมาตรฐานฮาลาล เป็นต้น
ธุรกิจแบบไหน เข้าข่ายได้รับสิทธิ

ด้านคุณสมบัติของผู้ประกอบการ. ที่ประสงค์ขอรับบริการตามมาตรการ ” SME ปัง! ตังได้คืน” ภายใต้โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS เพื่อรับการอุดหนุนค่าใช้จ่ายร้อยละ 50-80 นั้นจะต้องมีคุณสมบัติดังนี้

1. เป็น SME ตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงที่ออกตาม พรบ. ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ.2543 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และเป็นกลุ่มสาขาตามที่ สสว. กำหนดได้ขึ้นทะเบียนไว้กับ สสว.

2. ยื่นชำระภาษีตามกฎหมาย (มีสำเนารายการยื่นภาษีปี 2562) ได้แก่ ภงด.50, ภงด.90 ปี 2562

3. กรณีบุคคลธรรมดาต้องมีสัญชาติไทย/กรณีนิติบุคคลต้องมีจำนวนหุ้นของบุคคลสัญชาติไทยถืออยู่เกินกว่าร้อยละ 50 ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด

หลักฐานประกอบการสมัคร จะต้องเตรียมเป็นไฟล์เป็น PDF ขนาด ไม่เกิน 20 MB. โดยกรณีเป็นนิติบุคคล จะต้องเตรียมสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนฯ ที่จดทะเบียนตั้งแต่ปี 2562 หรือก่อนหน้า สำเนาเอกสารการยื่นชำระภาษี (ภ.ง.ด. 50 ปี 2562) สำเนาบัตรประชาชนผู้มีอำนาจลงนาม หากเป็นบุคคลธรรมดาจะต้องเตรียมสำเนาเอกสารการจดทะเบียนพาณิชย์/ทะเบียนวิสาหกิจชุมชน/ทะเบียนที่จดกับหน่วยราชการอื่นที่แสดงถึงการประกอบธุรกิจตั้งแต่ปี 2562 หรือปีก่อนหน้า สำเนาเอกสารการยื่นเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 90 ปี 2562) และสำเนาบัตรประชาชน
ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่สนใจ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bds.sme.go.th/Sme ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม และพัฒนาจนเสร็จสิ้นได้ถึง 30 กันยายน 2565

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 1301, 02-0385858 หรือศูนย์ให้บริการ SME ครบวงจร OSS ทุกจังหวัด