“โค้ดโซอี้” เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียระหว่างแฟรนไชส์กับค้าออนไลน์ พร้อมชี้เทรนด์การทำออนไลน์ในอนาคต


ทางลัดในการทำธุรกิจยุคใหม่ที่ได้รับการยอมรับคือแฟรนไชส์ หรือไม่ก็ทำออนไลน์ แล้วแต่ละธุรกิจมีโมเดล จุดอ่อนและจุดแข็งที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ตลาดออนไลน์มีการปรับตัว เกินเทรนด์ใหม่ ๆ เกิดขึ้น หากตามไม่ทันจะตกขบวนรถด่วน

งาน มหกรรม “ Smart SME EXPO 2022” จัดบรรยายหัวข้อ “เทียบชัดๆ แฟรนไชส์ VS Digital Marketing แบบไหนเวิร์ก !” โดย ภญ.โสภา (โค้ดโซอี้) พิมพ์สิริพานิชย์ นางฟ้าการตลาดดิจิตอล ชี้เทรนด์การทำออนไลน์ในอนาคต

 

 

ภญ.โสภา (โค้ดโซอี้) พิมพ์สิริพานิชย์ นางฟ้าการตลาดดิจิตอลกล่าวว่า ในแต่ละรูปแบบธุรกิจมีข้อเสียแตกต่างกันไป หลักการวิเคราะห์ที่คนส่วนใหญ่นิยมมาใช้คือ SWOT

วิเคราะห์ SWOT “แฟรนไชส์”

จุดแข็ง
สำเร็จรูป มีระบบการจัดการ การสต๊อกสินค้า บัญชี มีแผนงานแล้ว
ไม่เสียเวลา การเป็นเจ้าของแบรนด์ใช้เวลามาก แฟรนไชส์สร้างแบรนด์มาเรียบร้อยแล้ว ไม่เสียเวลา
ความเสี่ยงต่ำ เอาเงินไปซื้อประสบการณ์ ทำงานกับมืออาชีพ
จุดอ่อน
การประเมินกำไร ลำบาก เพราะนำผลประกอบการที่ดีมาให้ดู
ลงทุนสูง เพราะเป็นธุรกิจสำเร็จรูป มีแบรนด์แล้ว มีการทดลองตลาดแล้ว
ขาดอิสระ มีสัญญาเงื่อนไขมากมายที่เราทำไม่ได้
โอกาส
ความเชื่อมั่นของนักลงทุน เพราะแบรนด์แข็งแรงแล้ว
การขยายการเติบโตไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ แต่ต้องดูพฤติกรรมคนด้วย ต้องอ่านตลาดให้ขาด
อุปสรรค
มีการแข่งขันสูง ซึ่งเป็นคู่แข่งทางอ้อม ในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน
การสนับสนุนจากเจ้าของ เป็นปัจจัยสำคัญ ดังนั้นในสัญญาควรมีเรื่องการช่วยเหลือที่รัดกุม
ความคาดหวังเรื่องความสำเร็จ แต่ต้องไม่ประมาท จุดเด่นของธุรกิจที่มีหน้าร้านคือทำเล

ข้อดีข้อเสียของการขายออนไลน์

ข้อดี
เงินทุนน้อย
เวลาน้อย
คู่แข่งน้อย
ข้อเสีย
มีใจรักในการทำออนไลน์ มีเวลา 24 ชั่วโมง
เป็นงานหลังบ้านที่จุกจิก ต้องคิดเอง

ยอดขายมาจาก 3 ปัจจัย
1. ปริมาณคนมาเยี่ยมชมในแต่ละวัน ไม่สนว่าถูกใจหรือไม่
2. Conversion Rate เปลี่ยนจากคนชมมาเป็นคนซื้อ อัตราการเปลี่ยนจากคนชมเป็นคนซื้อ ในออนไลน์การทำ Content ที่น่าสนใจ แต่ถ้าเป็นหน้าร้านต้อง โปรโมชั่น การจัดหน้าร้าน
3. ยอดขายต่อลูกค้า 1 คน ค่าเฉลี่ยต่อบิลคือเท่าไหร่
3 ตัวที่คูณกันคือยอดขายที่ขายได้

ตัวอย่างธุรกิจออนไลน์
• อยากได้ยอดขาย 1,000,000 บาท ราคาต่อหัว 1,000 บาท แปลว่าแต่ละวันต้องหาคนเข้ามาชุมเว็บไซต์กว่า 300 คนต่อวัน
• ถ้าต่อหัว 10,000 บาท แปลว่าแต่ละวันได้ 33 คน
• ถ้าลูกค้าซื้อ 100 บาท ต้องหาคนวันละกว่า 3,000 คน ถ้าเป็นออฟไลน์ต้องเป็นย่านคนที่มีจำนวนมาก แต่ออนไลน์ทำได้เลย ใช้เงินโฆษณาประมาณ 300 บาท
สมการตัวนี้ทำให้เราสามารถวิเคราะห์ยอดขาย และแผนการตลาด การโปรโมชั่นต่าง ๆ ได้ชัดเจน

เทรนด์หลักของการตลาดออนไลน์
1. Content ต้องเป็นบทความที่น่าสนใจ ให้คนหยุดอ่าน Content ประกอบด้วยเนื้อหา และบริบท เป็นประสบการณ์ที่คนอ่านหรือชุมชนในออนไลน์ได้รับ พูดในสิ่งที่เขาอยากฟัง ทำในสิ่งที่เขาอยากเห็น เขียนที่เค้าอยากอ่าน ในเวลาที่ต้องการ
2. Shot VDO มีเนื้อหาไม่เกิน 3 นาที ก็เช่นเดียวกัน เนื้อหาและ Production ต้องดี ต้องสั้นกระชับ ได้ใจความ ในยูทูปมี YouTube shot
3. Tic Tok ในแพลตฟอร์มนี้มีการสร้างสรรค์ใหม่ ๆ และทำให้คนดูมีความสุข เวลาในการนำเสนอไม่เกิน 3 นาที หากมีการโพสต์อย่างสม่ำเสมอมีคนติดตามมาก และมีคนมากกว่า จุดเด่นของติ๊กต๊อกคือ สะดวกในการถ่าย ตัดต่อง่าย หาดูเรื่องราวผ่าน Key word มีเพลงที่ไม่ติดลิขสิทธิ์มาก ทำเรื่องที่เรามี Content ที่เรามีอยู่แล้ว แค่มาทำเป็นวิดีโอ
4. Live Commerce จ้างคนที่ขายบนออนไลน์เป็นคนขายสินค้าให้เรา คนที่เห็นเราคือนอกเหนือจากคนดู เพื่อนของคนดู และคนที่สนใจประเด็นนั้น เหมือนน้ำกระเพื่อนออกไป ต้องให้เขาเห็นวิดีโอมากและสม่ำเสมอ สนใจการนำส่งและ Live แล้วจะมีคนมาสนใจเรา.