ทำไมธุรกิจยุคนี้ต้องทรานส์ฟอร์มถึงจะอยู่รอด
การทำธุรกิจสมัยนี้ เราไม่อาจทำแบบเดิม ขายแบบเดิม บริหารแบบเดิมได้อีกต่อไป เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมากขึ้นจึงเข้ามาเปลี่ยนแปลง ทำให้ธุรกิจที่ทำอยู่ดียิ่งขึ้น
“ทุน” ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญกับการทำธุรกิจ หากพูดถึงแหล่งเงินทุนที่จะมาใช้นั้น แน่นอนว่ามีสองทางเลือกหลักด้วยกัน คือ 1.ใช้เงินตัวเอง และ 2.ขอสินเชื่อ
สำหรับคนที่อยากทำธุรกิจคงน่าปวดหัวไม่ใช่น้อยว่าสุดท้ายแล้วจะตัดสินใจเลือกทางไหนดี เพื่อก่อให้เกิดความเสี่ยงน้อยที่สุด และไม่ต้องมาทำให้ตัวเองต้องมาเจ็บตัวภายหลัง ซึ่งการใช้เงินตัวเอง หรือขอสินเชื่อล้วนมีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันออกไป
มาเริ่มกันที่ “ใช้เงินตัวเอง” โดยข้อดีสำหรับการเลือกแหล่งเงินทุนนี้ คือการไม่เป็นหนี้ที่ต้องมานั่งหาเงินคอยชำระในแต่ละเดือนตามเงื่อนไขที่ทำไว้กับสถาบันการเงิน ซึ่งจะช่วยในเรื่องของความสบายใจกับการไม่ต้องมาแบกภาระ หากธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จ
แม้จะไม่มีความเสี่ยงเรื่องของการเป็นหนี้ แต่หากเงินที่นำมาใช้เริ่มต้นธุรกิจ เป็นเงินออมก็มีความเสี่ยงไม่ต่างกัน เพราะต้องไม่ลืมว่าวัตถุประสงค์ของเงินออม คือการใช้ในยามฉุกเฉิน หรือเก็บไว้ใช้ในยามเกษียณ แต่หากมาใช้ทำธุรกิจอาจจะเป็นการผิดเป้าหมาย
อีกทั้ง การทำธุรกิจไม่ได้หมายความว่าใช้เงินลงทุนเพียงครั้งเดียวแล้วจบ เพราะยังต้องมีเงินส่วนหนึ่งไว้ใช้หมุนเวียน รักษาสภาพคล่องของธุรกิจ
มาดูกันที่ “ขอสินเชื่อ” ข้อดีอันดับแรก ๆ คือเงินที่นำมาลงทุนทำธุรกิจเป็นเงินกู้เงินจากสถาบันการเงิน โดยการจะยื่นเรื่องผ่านนั้นจำเป็นต้องมีแผนธุรกิจ มีคุณสมบัติครบตามเงื่อนไข แต่การขอสินเชื่อก็จะได้รับสิทธิพิเศษที่น่าดึงดูดใจ รวมถึงเวลาธุรกิจเกิดปัญหาสามารถมาตั้งโต๊ะเจรจาในการผ่อนชำระหนี้ได้
หากมองระยะยาว การขอสินเชื่อเป็นการสร้างวินัยทางการเงินให้กับตัวผู้ประกอบการเองในการหาเงินมาชำระตามกำหนด และสร้างเครดิตให้กับตัวเองเมื่อต้องมีการยื่นขอสินเชื่อเพื่อขยายธุรกิจในอนาคตต่อไป