เทรนด์ธุรกิจแต่ละปีย่อมมีการเปลี่ยนแปลงอยูเสมอ ธุรกิจที่ทำอยู่วันนี้อนาคตอาจตกยุค ไม่ทำเงินแล้วก็เป็นได้
Smartsme จะพามาดูกันว่ามีธุรกิจอะไรบ้างที่สุ่มเสี่ยงจะไม่ทำเงินในปี 2023
1.ธุรกิจ dropshipping
ดรอปชิปเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างตัวเลข 6 หลักต่อปี สำหรับคนที่ตัดสินใจเปิดร้านขายสินค้า แถมการันตีโดยอินฟลูเอนเซอร์มากกว่า 100 คนบน YouTube ที่บอกว่านี่คือธุรกิจยอดเยี่ยมที่สร้างให้ผู้ส่วนใหญ่มั่งคั่งภายในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยการยกข้อดีของธุรกิจดรอปชิปขึ้นมา คือไม่จำเป็นต้องสต๊อกสินค้า ไม่ต้องส่งสินค้า ที่สำคัญไปกว่านั้นคือไม่ต้องมีหน้าร้าน
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ผู้คนเห็นโอกาสจึงนำมาสู่การเปิดธุรกิจนี้กันเป็นจำนวนมาก อ้างอิงในปี 2021 ที่มีร้านค้าเปิดมากกว่า 140,000 ราย แต่กลับพบว่าร้อยละ 90 ล้มเหลวในปี 2022 สอดคล้องกับรายงานของ CloudWays ที่ระบุว่ามีโอกาสประสบความสำเร็จค่อนข้างต่ำคิดเป็นร้อยละ 1-5 เท่านั้น เนื่องจากจำเป็นต้องลดราคาเพื่อดึงดูด แต่รายได้กลับไม่สูงนัก
นอกจากนี้ในส่วนของการแบกรับค่าโฆษณาก็เป็นเรื่องสำคัญที่ธุรกิจนี้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะต้องซ้อเพื่อเปิดการเข้าถึงลูกค้า และยังไม่รวมปัญหาอื่น ๆ ที่ตามมา เช่น การจัดส่งสินค้า, คุณภาพของสินค้า
2.ธุรกิจเช่าที่พัก Airbnb
แม้ว่า Airbnb จะมีแนวคิดที่ยอดเยี่ยมกับการเปลี่ยนห้องว่างให้กลายเป็นห้องเช่าสำหรับนักเดินทาง และทำให้ผู้คนเริ่มหันมาใช้แพลตฟอร์มนี้ในการเข้าพัก แต่ด้วยการควบคุมคุณภาพที่ค่อนข้างต่ำ และมีความเสี่ยง ทำให้ธุรกิจไม่สามารถทำกำไรได้อีกต่อไป
ตัวอย่างบทความ “The Dark Side of Airbnb That Nobody Talks About is What Stops Me From Investing in It,” อธิบายถึงเหตุผลที่ธุรกิจนี้ไม่ดีอีกต่อไปมาจากประเด็นดังต่อไปนี้
– ผู้เช่าระยะสั้นสามารถสร้างความเสียหาย และขโมยทรัพย์สินของคุณได้ ดังนั้นคุณต้องเปลี่ยน และทำความสะอาดเป็นพิเศษกับข้าวของที่เสียหาย
-ผู้เช่ามักจะบ่นเกี่ยวกับการเข้าพัก และคุณไม่สามารถทำอะไรได้ แน่นอนว่าหากการให้คะแนนต่ำกว่า 4.5 จะทำให้ที่พักของคุณหลุดออกจากแพลตฟอร์ม
-การจองไม่ครอบคลุมค่าเช่าเสมอไป แม้ว่าอินฟลูเอนเซอร์จะยกย่องธุรกิจนี้ แต่ก็ไม่ได้รับประกันผลกำไรที่ตามมา
3.ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคริปโตฯ
คริปโตฯ ผ่านการขึ้น-ลงของราคาหลายครั้งตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในปี 2008 แต่ระหว่างปี 2020 ถึงปี 2022 บิทคอยน์ ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในหมู่นักลงทุน และกลายเป็นธุรกิจวิธีแบบใหม่ที่จะสร้างรายได้แบบเป็นกอบเป็นกำ
ดังนั้น เราจึงเห็นการซื้อ-ขาย โดยการใช้สกุลเงินดิจิทัลเกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย และเกิดธุรกิจใหม่บนคลาวด์ ทั้งในส่วนของเกม, เพลง, NFT
ปัจจุบันตลาดคริปโตฯ กำลังเข้าสู่สภาวะถดถอย ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่า ธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องว่าอาจจะไม่ทำเงินอีกต่อไป
4.ธุรกิจที่ทำให้ผู้คนไม่ต้องออกจากบ้าน
จากปี 2020-2021 บริษัทเริ่มให้พนักงานทำงานที่บ้าน จึงทำให้เกิดธุรกิจใหม่ ๆ ที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้คนที่ไม่ต้องเดินทางออกจากบ้าน เช่น สินค้าที่ตอบโจทย์คนอยู่บ้าน, บริการจัดส่งเดลิเวอรี่ แต่ด้วยสถานการณ์ที่เริ่มคลี่คลาย ผู้คนเริ่มออกมาใช้ชีวิตตามปกติ จึงทำให้ธุรกิจที่กล่าวมานั้นมีความสำคัญน้อยลง
5.ธุรกิจออกแบบกราฟิก, ตราสินค้าในรูปแบบฟรีแลนซ์
ที่ผ่านมางานเกี่ยวกับกราฟิก, ตราสินค้า ถือว่าเฟื่องฟูเป็นอย่างมากไม่ว่าธุรกิจไหนก็ต้องมีทั้งการตลาด โฆษณา ประชาสัมพันธ์ แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไปมาก โดยเฉพาะ AI ที่สามารถทำกราฟิกได้ ทำให้ตำแหน่งนี้อาจไม่จำเป็นอีกต่อไป
ปัจจุบันเราเห็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่จ่ายค่าใช้บริการไม่มาก เช่น Canva, Smashing logo, Snappa และ WordPress ซึ่งเป็นทางเลือกที่น่าสนใจของธุรกิจ ขณะเดียวกันหลายบริษัทก็มีการจ้างพาร์ทเนอร์มาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อฟรีแลนซ์ที่จะถูกจ้างงานน้อยลง
ที่มา: medium