10 เทรนด์อาหารมาแรงในปี 2023 ที่คนทำธุรกิจควรรู้


Smartsme จะพาไป 10 เทรนด์อาหารมาแรงในปี 2023 ที่คนทำธุรกิจควรรู้ จะมีอะไรบ้างมาดูกัน

1.อาหาร Plant-Based ยังเติบโต

เรื่องที่ใครหลายคนคิดว่า Plant-Based คงเป็นเทรนด์ที่มาแค่ช่วงเวลาหนึ่งแล้วก็หายไป แต่ตอนนี้ Plant-Based กลายเป็นกระแสหลักไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยผู้คนมีแนวโน้มที่จะลดการบริโภคเนื้อสัตว์ พร้อมมองหาทางเลือกอื่น นั่นคือพืช และมังสวิรัติ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่มีอัตราเพิ่มขึ้น 600% ในช่วงสามปีที่ผ่านมา

กระแส Plant-Based ที่ได้รับความนิยมเกิดจากคนรุ่นมิลเลนเนียลที่ตระหนักถึงผลกระทบการบริโภคเนื้อสัตว์ที่มีต่อสิ่งแวดล้อม และกระบวนการเลี้ยงที่ปฏิบัติต่อสัตว์ ดังนั้น ร้านอาหารจำเป็นต้องตอบสนองต่อการเติบโตนี้ และอัปเดตเมนูให้มีตัวเลือกอาหารประเภทมังสวิรัติ หรืออาหารที่มีส่วนประกอบของผักเป็นหลัก

2.การปรุงอาหารแบบปราศจากขยะเหลือทิ้ง

การเติบโตของประชากรอย่างรวดเร็วทำให้ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ และปริมาณอาหาร โดยมีการคาดการณ์ว่าอาหารอาจไม่เพียงพอต่อการบริโภคในอนาคต อีกทั้ง ปริมาณขยะที่เกิดจากกระบวนการทำอาหารก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

Zero-Waste Cooking คืออีกหนึ่งเทรนด์ที่จะมาในปี 2023 โดยเป็นแนวทางการปรุงอาหารที่ปราศจากขยะเหลือทิ้ง ตั้งแต่กระบวนการเสิร์ฟไปจนถึงการเสิร์ฟอาหารให้กับลูกค้า

3.อาหารเพื่อสุขภาพ

งานวิจัยหลายเรื่องกำลังเชื่อมโยงระหว่างแบคทีเรียในลำไส้กับโรคเกี่ยวกับความเสื่อมของระบบประสาท เช่น โรคพาร์กินสัน โดยลำไส้ที่แข็งแรงมีความสำคัญต่อการควบคุมน้ำหนัก และต่อสู้กับโรคบางชนิด

เมื่อเกิดความตระหนักรู้มากขึ้น การมองหาอาหารที่เป็นประโยชน์กับสุขภาพจึงเป็นอีกทางเลือก และเป็นมิตรกับลำไส้ ซึ่งอาหารประเภทนี้กำลังได้รับความนิยมของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

4.ความต้องการชาหมักคอมบูชาเพิ่มขึ้น

ชาหมักคอมบูชา คือชาหวานหมักด้วยเชื้อยีสต์ และแบคทีเรีย กำลังเป็นที่รู้จักในด้านประโยชน์ต่อสุขภาพ มีทั้งสารต้านอนุมูลอิสระ และโปรไอโอติกที่เป็นประโยชน์ รวมถึงสามารถกำจัดแบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้

ขณะที่การดื่มคอมบูชากำลังเป็นที่นิยมอยู่แล้ว และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากผู้คนที่มีจำนวนมากขึ้น พร้อมตระหนักถึงประโยชน์ โดยร้านอาหารต่าง ๆ ก็เริ่มนำเสนอเครื่องดื่มนี้แล้ว

5.การเติบโตของผงซูเปอร์ฟู้ด

แม้ว่าผงซูเปอร์ฟู้ดจะมีมาตั้งแต่ก่อนปี 1980 แต่ในช่วงปี 200 เท่านั้นที่กระแสนี้แพร่หลายในหมู่ผู้ใส่ใจในสุขภาพ อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวนี้มีการพัฒนาตลอดเวลา และคุณจะเห็นผลิตภัณฑ์ผงซูเปอร์ฟู้ดเพิ่มขึ้นทุกปี

ผงซูเปอร์ฟู้ดที่ได้รับความนิยม เช่น รากมะค่า (ซูเปอร์ฟู้ดโบราณของอเมริกาใต้), โกโก้, ขมิ้นบด และผงเห็ด

6. “คีโต้” คือหนึ่งในเทรนด์อาหารที่ใหญ่ที่สุด

“คีโต้” เป็นอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ แต่มีโปรตีน และไขมันสูง โดยตามรายงานของ Healthline บอกว่าการลดคาร์โบไฮเดรตทำให้ร่างกายอยู่ในสถานะเมแทบอลิซึม ซึ่งมีแนวโน้มเผาผลาญไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระบวนการนี้เรียกว่า “คีโตซิส”

ผู้รับประทานอาหาร “คีโต” มักจะหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น น้ำผึ้ง น้ำเชื่อม โยเกิร์ตรสหวาน หรือน้ำผลไม้ รวมถึงธัญพืชและแป้ง ชิปส์และแครกเกอร์ และขนมอบ

สำหรับประเภทอาหาร “คีโต” เช่น น้ำซุปไขกระดูก, ผลไม้คาร์โบไฮเดรตต่ำ เป็นต้น

7.ชุดกาแฟสกัดเย็น

ตามรายงานของ Statista ระบุว่าขนาดรวมของตลาดชงเย็นคาดการณ์ว่ามีมูลค่าราว 944.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการขายภายในปี 2025 โดยความนิยมที่เกิดขึ้นได้รับความสนใจจากยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Starbucks และ Dunkin’ Donuts ที่พร้อมโปรโมตเครื่องดื่มชงเย็นของตัวเองอย่างหนัก

ความต่างของกาแฟเย็นกับกาแฟชงเย็น คือกาแฟเย็นจะชงร้อนแล้วเทลงบนน้ำแข็ง แต่การชงเย็นจะใช้เวลาแทนการใช้ความร้อน โดยปล่อยให้เครื่องดื่มเย็นจัดประมาณครึ่งวันที่อุณหภูมิห้อง

8.เบียร์ไม่มีแอลกอฮอล์

ในขณะที่กลุ่มคนเจน Z และมิลเลนเนียลตอนปลาย เริ่มเข้าใจถึงความเสี่ยงต่อสุขภาพของการดื่มเหล้ามากเกินไป และหลายคนเลือกที่จะวางขวดลง แต่เชื่อหรือไม่ว่าเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์เป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังจะมา โดยร้านอาหารเริ่มสนองความต้องการนี้แล้ว ผ่านหมวดเครื่องดื่มเบียร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์

ตามรายงานการวิจัย ระบุว่าตลาดเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ทั่วโลกจะมีโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืนในช่วงปี 2017-2025 แม้เครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์จะไม่ค่อยได้รับความนิยมในสหรัฐฯ เทียบเท่ายุโรป แต่ส่วนใหญ่มาจากตัวเลือกที่จำกัด และรสชาตที่ไม่ค่อยดึงดูด ดังนั้นนี่คือการเปลี่ยนแปลง

9.การชงกาแฟทางเลือก

กาแฟสมัยใหม่มีการพัฒนาอยู่เสมอ โดยผู้คนต้องการประสบการณ์อันน่าอัศจรรย์จากรสนิยมที่ชาญฉลาดมากขึ้น รวมถึงความต้องการเสริมสร้างความรู้ในโลกของกาแฟ เพื่อตอบสนองวิวัฒนาการนี้ ร้านกาแฟ, โรงคั่ว และร้านอาหารควรโฟกัสในเรื่องฝีมือ และวิธีการชงกาแฟทางเลือก เพื่อดึงดูดลูกค้าเข้าสู่โลกของกาแฟอย่างเต็มที่ผ่านวิธีการชงกาแฟอย่างพิถีพิถีน

10.ทำความเข้าใจว่ามีอะไรอยู่ในอาหารของคุณ

ผู้บริโภคให้ความสนใจเกี่ยวกับความยั่งยืน และวิธีปฏิบัติต่อสัตว์ในการผลิตอาหาร พวกเขาต้องการรู้ว่าอะไรอยู่ในอาหารของพวกเขา แล้วดีต่อสุขภาพหรือไม่ ผลิตอย่างไร และมาจากไหน

ผลที่ตามมา คือเราเห็นร้านอาหารรู้จักแหล่งวัตถุดิบที่ทำงานร่วมกันด้วยมากขึ้น โดยต้องการเป็นพาร์ทเนอร์กับซัพพลายเออร์ที่สนับสนุนเรื่องของความยั่งยืน, ดูแลเรื่องความสะอาดสิ่งแวดล้อม และแบ่งปันค่านิยมเดียวกัน

ที่มา: touchbistro