5 สัญญาณของคนทำงานหนัก เกินร่างกายจะรับไหว


ทุกวันนี้ค่านิยมของคนทั้งโลกกำลังเชิดชู บูชา และวิ่งตามหาความสำเร็จกันตั้งแต่ยังเรียนไม่ทันจบด้วยซ้ำ

ซึ่งคุณเองอาจถูกปลูกฝังจากวัฒนธรรมและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ว่าการประสบความสำเร็จเป็นสิ่งที่ต้องรีบคว้าเอาไว้ให้ได้ การมีเงินเยอะ ๆ มีบ้านหลังใหญ่ คือคำตอบที่ถูกต้องของชีวิต ทำให้คุณโหมทำงานจนร่างกายไม่ได้หยุดพัก ซึ่งตรงนี้แหละที่ปัญหาต่าง ๆ มันจะเกิดตามมา
เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณทำงานหนักเกินไปเพื่อหวังให้ธุรกิจไปได้ด้วยความรวดเร็ว เมื่อนั้นคุณกำลังค่อยๆ เหยียบเบรกมันลงอย่างช้า ๆ เพราะสุขภาพร่างกายที่สูญเสียไปจากการโหมโต้รุ่งค่ำเช้า จะทำให้คุณชัตดาวน์ตัวเองในที่สุด และสปีดที่เคยวิ่งมาตลอดก็จะหยุดชะงักลง ส่งผลให้ธุรกิจคุณไม่เดินหน้าอีกเลย และมันจะนานมากน้อยแค่ไหนก็ไม่มีใครรู้ได้ เพราะฉะนั้นตรวจสอบสัญญาณข้อห้ามทั้ง 5 อย่างนี้เอาไว้ให้ดี และรีบเลิกนิสัยเสียบ้างานให้ไวที่สุด

1.ทำทุกอย่างบนโต๊ะทำงานตั้งแต่เช้าจนเย็น

การที่คุณไม่ลุกออกจากโต๊ะทำงานเลย ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนก็ตาม เช้ามาก็ประจำที่ บ่ายมาถึงเวลาต้องกินข้าวก็ไม่ไป หรือยกมากินไปทำไปหน้าคอมพิวเตอร์ รวมถึงทำงานล่วงเลยเวลากลับบ้านแบบไม่พักให้เวลากับตัวเอง

พฤติกรรมทั้งหมดนี้บอกได้อย่างดีว่าคุณแยกแยะเวลาทำงานและเวลาพักไม่ได้ และไม่ให้เวลากับร่างกายตัวเอง รวมถึงสมองได้พักผ่อนเลยแม้แต่น้อย ซึ่งถ้าคุณต้องถึงขั้นดูแลเรื่องทุกอย่างจนกินเวลาส่วนตัวไปมากขนาดนี้ การมองหาผู้ช่วย หรือคนที่เข้ามาแบ่งเบาภาระแทนก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่คุณน่าจะรับไว้พิจารณา

2.รู้สึกว่างเปล่าเมื่อไม่มีงานให้ทำ

คนทั่วไปเมื่อมีเวลาว่าง เขาจะใช้เวลาเหล่านั้นไปกับการทำกิจกรรมที่ตัวเองชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นการเดินเล่น ช้อปปิ้ง ดูหนัง อ่านหนังสือ เล่นเกม ฟังเพลง แต่สำหรับคุณ เมื่อไหร่ที่คุณว่าง คุณจะรู้สึกไม่มีความสุข และรู้สึกว่าต้องหางานอะไรมาทำเพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่าน ซึ่งนี่แหละเป็นสัญญาณการเสพติดการทำงานอย่างหนึ่ง มันไม่ใช่เรื่องไม่ดีที่คุณเป็นคนขยัน แต่มันเป็นเรื่องของการละเลยเวลาพักผ่อน ซึ่งถ้าคุณสามารถคอนโทรลทั้ง 2 สิ่งนี้ให้ไปด้วยกันได้จริง มีเวลาทำงานที่มาก และมีเวลาพักผ่อนที่พอเพียง ก็ไม่มีปัญหาสุขภาพใดให้ต้องกังวล

3. สมาธิสั้น มีอะไรให้ทำเพียบ

ถ้าคุณเคยทำงานได้ชิล ๆ และโฟกัสกับงานบางอย่างได้ตั้งแต่ต้นจนจบ แต่มาวันนี้คุณกลับเป็นคนที่ทำอะไรจับฉ่าย ไม่สำเร็จสักอย่าง และที่สำคัญคือ ทำได้ไม่นานก็หลุดโฟกัส งานที่เหมือนจะสามารถทำได้เสร็จอย่างรวดเร็วก็พลันต้องชะลอออกไป เพราะคุณไม่สามารถจดจ่อกับมันได้เท่าที่ควร ซึ่งตรงนี้นอกจากจะทำให้งานของคุณไม่เสร็จตามกำหนด ยังทำให้ร่างกายอ่อนล้าลงมากกว่าเดิม เพราะถ้าคุณโฟกัสกับงานได้ดี คุณจะทำมันเสร็จไว แต่เมื่อคุณโฟกัสไม่ได้ เวลาก็จะยืดออกไปเรื่อย ๆ ดังนั้นการพักผ่อนให้สมองหายล้าและมีสมาธิกลับมาเต็มที่จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

4. นอนไม่พอ เพลียตลอดเวลา

การทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำจะไม่มีวันจบแน่นอน ถ้าคุณเป็นเจ้าของกิจการ เพราะทุกวันคือวันทำงานของคุณ คุณต้องดูแลทุกอย่างด้วยตัวเอง ดังนั้นปัญหาส่วนใหญ่ของเรื่องนี้จึงมักเกิดกับผู้ประกอบการเป็นหลัก หัวถึงหมอนตอนกลางคืนคุณจะหลับทันที แต่ไม่ทันที่ร่างกายจะหายเหนื่อย คุณก็ต้องตื่นมาเผชิญกับงานในวันใหม่อีกแล้ว ซึ่งตรงนี้แหละที่เป็นสัญญาณเตือนว่า คุณทำงานมากเกินไป และให้เวลาตัวเองพักผ่อนน้อยเหลือเกิน

ซึ่งมันจะนำไปสู่ปัญหาสุขภาพในระยะยาว จนทำให้คุณเกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมา เพราะการพักผ่อนนอนหลับเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของชีวิตมนุษย์เรานั่นเอง

5. ทุกเวลามีแต่งาน

การทำงานของคุณเป็นแบบเข้าตรงเวลา กลับตรงเวลาหรือไม่ หรือคุณว่างเป็นไม่ได้ ต้องมองหาอะไรทำอยู่เสมอ และไม่ผ่อนคลายตัวเองด้วยกิจกรรมนันทนาการอื่น ๆ เลย ซึ่งตรงนี้สังเกตได้ง่าย ๆ ว่าเวลาว่างของคุณที่เหลืออยู่นี้คุณใช้มันกับอะไรมากที่สุด เช่น หลังจากกลับมาถึงบ้าน คุณยังคงเปิดคอมไล่อ่านอีเมล หรือไลน์ถามความคืบหน้าลูกน้องหรือไม่

ถ้าคุณยังมีนิสัยแบบนี้ ต้องเลิกด่วน และหากิจกรรมที่ชื่นชอบมากที่สุดมาและทำมันซะ เพื่อให้ร่างกาย จิตใจ และสมองของคุณได้พักอย่างแท้จริง ถึงแม้กิจกรรมนั้นจะดูไร้สาระแค่ไหนก็ตาม