รู้จัก “ฉลากเขียว” เครื่องหมายช่วยสะท้อนความยั่งยืนของแบรนด์ต่อสิ่งแวดล้อม
ฉลากเขียวของประเทศไทย ริเริ่มขึ้นโดยองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Thailand Business Council for Sustainable Development, TBCSD)
บนโลกใบนี้ยังอาชีพแปลกๆ ที่ไม่คิดว่าจะทำเงินได้ แต่ก็สามารถทำเงินได้แบบที่คาดไม่ถึง โดยเป็นกิจกรรมที่อยู่ใกล้ตัวเราเป็นอย่างมาก
เรื่องราวของ Ryan Stewart ชายชาวอเมริกันที่สามารถสร้างรายได้จากการจูงสุนัขแบบเป็นกอบเป็นกำ และตอนนี้กลายเป็นอาชีพประจำของเจ้าตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยสามารถทำเงินได้ประมาณ 60 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อชั่วโมง ในการเดินจูงลูกหมา 3-5 ตัว ซึ่งการันตีด้วยชื่อเสียงที่สั่งสมมานานหลายทศวรรษ
ตามรายงานเอกสารของ CNBC Make it เผยว่า Stewart ทำรายได้ถึง 120,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 4.3 ล้านบาท) ต่อปี โดย Stewart กล่าวกับ CNBC Make it ว่าเขาไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนรักสุนัข แต่สิ่งสำคัญของงานนี้คือไม่จำเป็นต้องมีใบปริญญา และสามารถทำรายได้ 6 หลักต่อปี จนกลายเป็นสิ่งที่รักไปในที่สุด
Stewart ทำงานประมาณ 36 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ใน 6 วัน โดยเขาสังเกตว่าสุนัขต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่อง โดยการพาสุนัขเดินเล่นที่ดีจะต้องโฟกัส และใส่ใจ เพราะว่าคุณมีหน้าที่คอยปกป้องไม่ให้สุนัขได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการดูสภาพจราจร และไม่ให้สุนัขกัดกัน
“หากเกิดข้อผิดพลาดก็ต้องพบกับค่าใช้จ่ายที่สูง การผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น หางสุนัขเข้าไปติดในประตู อาจนำไปสู่ค่ารักษามากถึง 2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ” Stewart กล่าว
อย่างไรก็ตาม Stewart มองว่าการใช้เวลาอยู่กับสุนัขในแต่ละวันให้ข้อดีมากกว่าข้อเสีย นี่คือวิธีที่ใช้เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของเขากับสุนัขเข้ากับงานประจำจนประสบความสำเร็จ และร่ำรวย
การเดินทางกว่าจะก้าวมาถึงวันนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ของ Stewart เพราะเริ่มแรกพี่น้องของเขาทำงานตัดหญ้า และจัดโต๊ะอาหาร และงานบ้านอีกประเภทคือการพาสุนัขออกไปเดินเล่น ดังนั้น เมื่อเขาเริ่มอาชีพการเต้นในนิวยอร์ก เมื่ออายุ 20 ปี เขาคิดว่าจูงสุนัขอาจเป็นเรื่องเร่งรีบตามธรรมชาติ
“ฉันจำได้ว่ายืนแจกนามบัตรอยู่บนถนน ฉันเริ่มจูงสุนัข 1-2 ตัว และเปลี่ยนมาเป็น 3-4 ตัวในเวลาถัดมา” Stewart กล่าว
หลังจากผ่านไป 2-3 ปี Stewart ตระหนักดีว่าการจูงสุนัขจะสร้างผลกำไรได้มากขึ้น หากสนใจทำเรื่องนี้อย่างเดียว โดยความต้องการเลี้ยงสุนัขที่ค่อนข้างสูงในนิวยอร์กประเมินแล้วว่าจะทำเงินได้ถึง 35,625 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี ต่อมาเจ้าตัวได้ลองผิด ลองถูก แม้ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ก็ศึกษาปรับปรุง พัฒนาจนสามารถการันตีจากผลงานที่เคยทำมาจนประสบความสำเร็จกับการทำอาชีพนี้ในที่สุด
ที่มา: cnbc