หลังจากประเทศไทยได้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เป็นที่เรียบร้อยหลังที่ประชุมร่วมรัฐสภามติเห็นชอบ 482 ต่อ 165 ให้นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกจากพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรี หลังโหวตมาแล้ว 3 รอบด้วยกัน
เมื่อประเทศไทยกำลังจะมีรัฐบาลชุดใหม่ในอีกไม่ช้า สิ่งแรกที่ประชาชนเริ่มหันมาให้ความสนใจคือนโยบายที่ใช้ในช่วงของการหาเสียง แน่นอนว่านโยบายเงินดิจิทัล Walltet จำนวน 10,000 บาท เป็นเรื่องที่เป็นกระแสอยู่ ณ ตอนนี้ ว่าสุดท้ายแล้วรายละเอียดจะเป็นอย่างไร จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
ย้อนกลับไปในเดือนเมษายน นายเศรษฐา ได้ขึ้นพูดบนเวทีงาน “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน ตอน ONE TEAM FOR ALL THAIS:หนึ่งทีมเพื่อไทยทุกคน โดยช่วงหนึ่งนั้นมีการพูดถึงกระเป๋าเงินดิจิทัลมูลค่า 10,000 บาท ที่เติมเงินให้กับบุคคลที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป นำไปใช้ซื้อของในชีวิตประจำวันจากร้านค้า เป็นการปั๊มหัวใจให้กับระบบเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับครัวเรือนไปจนถึงระดับประเทศ
เมื่อเข้าไปดูรายละเอียดของนโยบายนี้บนเว็บไซต์ของพรรคเพื่อไทย พบว่าเงินดิจิทัลนี้จะใช้จ่ายได้ เฉพาะกับร้านค้าในชุมชน และบริการที่อยู่ในรัศมี 4 กิโลเมตร เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และรายได้สู่ชุมชน ส่วนในพื้นที่ห่างไกลจะพิจารณาเป็นกรณี
อีกทั้ง ต้องทำความเข้าใจอีกเรื่องว่านโยบายนี้ไม่ได้เป็นการแจกเงินเป็นธนบัตร แต่จะเป็นเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล Walltet ผ่านแอปพลิเคชัน โดยมีระบบ Blockchain คอยตรวจสอบ ส่วนคนที่ไม่สมาร์ทโฟนไม่ต้องกังวลเพราะสามารถผู้กับบัตรประชาชนผ่านตัวเลข 13 หลักได้เลย
ด้านระยะเวลาของนโยบายนี้จะมีอายุ 6 เดือน โดยผู้ได้รับสิทธิ์จะสามารถใช้จ่ายซื้อสินค้าที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ที่ไม่เกี่ยวข้องกับอบายมุข ยาเสพติด การพนัน รวมถึงไม่สามารถซื้อของบนแพลตฟอร์มออนไลน์ได้ คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นต้นปี 2567
อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะเอางบประมาณจากไหนมาจ่าย เพราะหากแจกเงินดิจิทัลคนละ 10,000 บาท ให้กับผู้มีอายุ 16 ปีขึ้น จะใช้เงินถึง 5.6 แสนล้านบาทเลยทีเดียว